สายป่าน อภิญญา สกุลเจริญสุข ดาราสาว เดินหน้ายื่นฟ้องครูสอนดำน้ำ โพสต์เฟซบุ๊กหมิ่นประมาท ทำธุรกิจอุปกรณ์ดำน้ำเสียชื่อ เรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท ศาลนัดไต่สวน 18 ม.ค.64
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 26 ส.ค.63 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นางสาวอภิญญา สกุลเจริญสุข หรือ “สายป่าน-อภิญญา” นักแสดงนางเอกชื่อดัง พร้อมด้วย นายเกรียงชัย วิศิษฎ์สรอรรถ เดินทางมาเป็นโจทก์ที่ 1 และบริษัท บลูพรอดิจี 2020 โดย น.ส.อภิญญา เป็นโจทก์ที่ 2 ยื่นฟ้อง นายวรพันธ์ อุดมพงษ์ ครูสอนว่ายน้ำ เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตาม ป.อาญา มาตรา 328, 332 เรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 5 ล้านบาท และค่าเสียหายรายเดือน เดือนละ 1 แสนบาท จนกว่าจะแก้ไขให้ชื่อเสียงกลับคืน
...
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นดารานักแสดงเป็นที่รู้จัก และประกอบธุรกิจ บ.บลูพรอดิจี 2020 ขายอุปกรณ์ดำน้ำ เมื่อวันที่ 2 มี.ค. - 16 ก.ค.63 ที่ผ่านมา นายวรพันธ์ อุดมพงษ์ ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความต่างๆ ทำนองว่าสินค้าของโจทก์ที่นำเข้ามาจากประเทศกรีซ หาว่าอุปกรณ์ตีนกบ หรือฟินส์ ที่โจทก์ขาย หากถูกทับจะชำรุด และเขียนข้อความอื่นๆ บิดเบือนความจริง ทำให้คนที่เห็นข้อความดังกล่าวเข้าใจผิดว่า สายป่านหลอกขายของ จากนั้นมีคนเข้ามาคอมเมนต์ต่อว่า ว่าไม่น่าเชื่อถือ และมีลูกค้ามาขอยกเลิกสั่งซื้อสินค้าหลายราย ส่งผลกระทบต่อธุรกิจของสายป่านจำนวนมาก
จากยอดจองสินค้าจำนวนมากก็ถูกบอกเลิก และแฟนคลับของโจทก์ก็เข้าใจผิดว่าโจทก์เป็นคนไม่ดี ตีสองหน้า หลอกขายสินค้า ทำให้กระทบต่อธุรกิจและงานแสดง ได้รับยความเสียหายหลายล้านบาท แต่โจทก์ขอเรียกเพียง 2 ล้านบาท และเกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงวงศ์ตระกูล กระทบต่อครอบครัว เสียหายรวม 10 ล้านบาท แต่ขอเรียกเพียง 3 ล้านบาท กับเรียกค่าเสียหายเดือนละ 1 แสนบาท จนกว่าจำเลยจะแก้ไขความเสียหาย
นายเกรียงชัย ทนายความ กล่าวว่า เท่าที่คุยกับสายป่าน ก็ไม่ได้อยากจะค้าความ แต่ต้องการทำให้คดีนี้เป็นคดีตัวอย่าง เพราะทำให้ธุรกิจได้รับความเสียหายนับ 10 ล้าน แต่ สายป่าน ก็เรียกค่าเสียหายตามสมควรคือ 5 ล้านบาท แม้จะลบโพสต์ไป แต่ความผิดสำเร็จไปแล้ว ศาลรับคำฟ้องไว้เป็นคดีดำที่ อ.2202/63 นัดไต่สวนวันที่ 18 ม.ค.64 ในเวลา 09.00 น. และเข้าสู่ขั้นตอนไกล่เกลี่ยสมานฉันท์
ขณะที่ สายป่าน กล่าวว่า นายวรพันธ์ กับตนก็ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ไม่ใช่คู่ค้า เป็นครูสอนดำน้ำ ได้โพสต์ข้อความไป แล้ว สายป่าน ได้พยายามชี้แจง ทางฝ่ายคู่กรณีก็ได้ลบโพสต์ดังกล่าวออกไป โดยที่ไม่ได้มีการโพสต์ชี้แจงถึงความเข้าใจผิดที่เกิดขึ้นให้คนอื่นได้ทราบ หรือไม่มีท่าทีหรือเจตนาจะเข้ามาพูดคุยขอโทษแต่อย่างใด และธุรกิจก็นับว่าดีมาตลอด พอถูกโพสต์หมิ่นประมาททำให้ยอดจองสินค้าถูกเลิก แม้เขาจะลบโพสต์ไป ก็ได้รับความเสียหายไปแล้ว และมาถึงจุดนี้หากจะเข้ามาเจรจาก็คงไม่ทันแล้ว คงต้องเข้ามาเจรจาไกล่เกลี่ยกันในชั้นศาล.