แม่ "น้องเก้า" เกริกพล เพชรรัตน์ พร้อมทนายเจมส์ ยื่นฟ้อง "เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น" ต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ ระบุละเมิดลิขสิทธิ์-ละเมิดดนตรีกรรม ยืนยันพร้อมไกล่เกลี่ย หากเจรจากันได้จะไม่ฟ้องแพ่ง

วันที่ 21 ส.ค. ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ถนนแจ้งวัฒนะ นายเกริกพล หรือ เก้า เพชรรัตน์ มอบอำนาจให้มารดาเป็นผู้แทนโดยชอบธรรม ยื่นฟ้อง น.ส.รัชนก สุวรรณเกตุ หรือ เจนนี่ และบริษัท ได้หมดถ้าสดชื่น จำกัด เป็นจำเลยที่ 1-2 เรื่องความผิดต่อ พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 โดยศาลรับคำร้องไว้ไต่สวน ในคดีหมายเลขดำ อ.716/2563 และกำหนดนัดไต่สวนมูลฟ้อง ในวันที่ 9 พ.ย.นี้ เวลา 13.30 น.

นายนิติธร แก้วโต หรือ ทนายเจมส์ เปิดเผยว่า วันนี้ยื่นฟ้องใน 2 ฐานความผิดคือ ละเมิดลิขสิทธิ์ผู้อื่นเพื่อการค้า แสวงหาผลกำไรนักร้องนักแสดง และละเมิดดนตรีกรรม กรณีมีการบันทึกเสียงของเก้า และนำไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับความยินยอม ส่วนที่อ้างว่าให้ค่าจ้าง 1 หมื่นบาทนั้น เงินจำนวนนี้ไม่ใช่ค่าตัวนักแสดงแน่นอน เพราะน้องเก้ามีชื่อเสียง เป็นเดอะวอยซ์คิดส์ แต่จะเป็นการจ้างทำหรือไม่ขอให้ศาลชี้ เพราะแต่ละฝ่ายถือความจริงคนละชุด การฟ้องครั้งนี้ไม่ได้ยื่นประเด็นส่วนแบ่ง 70/30 ให้ศาลพิจารณา แต่จะดำเนินการหลังจากนี้ ระหว่างที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาสามารถไกล่เกลี่ยกันได้ตลอด หากเจรจากันลงตัวคงไม่ฟ้องทางแพ่ง โดยก่อนหน้านี้มีผู้ใหญ่เป็นตัวกลางติดต่อเจรจา แต่ไม่สามารถตกลงกันได้

นายนิติธร กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องยื่นเรื่องให้ยูทูบไทยตรวจสอบลิขสิทธิ์ และเปิดเผยรายได้จะเป็นขั้นตอนสุดท้าย เพราะเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ หากมีการลบคลิปเพลงแล้วยูทูบไทยอาจจะเรียกผลประโยชน์ที่ได้รับคืนด้วย หลังจากนี้ศาลจะส่งหมายเรียกพร้อมสำเนาคำฟ้องให้จำเลย โดยจะใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน และกำหนดนัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 9 พ.ย.นี้ โดยตนจะนำ นายเกริกพล หรือ น้องเก้า และแม่ขึ้นไต่สวน

...

ด้าน นายเกริกพล หรือ น้องเก้า ยืนยันว่า เงิน 1 หมื่นไม่ใช่ค่าจ้าง แต่เป็นค่าขนม และพี่เจนนี่พูดชัดเจนก่อนตั้งค่ายเพลงว่าจะให้ส่วนแบ่ง 70/30 เมื่อไม่ได้เงินตามที่ตกลงก็รู้สึกเจ็บใจ ตนนี้ไม่ได้มีการพูดคุยกับพี่เจนนี่ ถ้าติดต่อมาเจรจาขอให้คุยกับทางผู้ใหญ่หรือทนาย ต้องการให้เรื่องนี้จบโดยเร็ว และไม่กลัวฝ่ายตรงข้าม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังยื่นฟ้อง และศาลตรวจดูคำฟ้องแล้ว ศาลมีคำสั่งว่า ตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์แยกประเภทงานอันมีลิขสิทธิ์ ระหว่างงานดนตรีกรรมกับงานโสตทัศนะวัสดุต่างหากจากกัน เมื่อมีการนำงานดนตรีกรรมไปบันทึกเป็นมิวสิกวิดีโอ ย่อมถือเป็นงานโสตทัศนะวัสดุ จึงให้โจทก์ยืนยันให้ชัดเจนว่า โจทก์กล่าวอ้างความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานประเภทใด ส่วนสิทธิ์นักแสดง ให้โจทก์บรรยายให้ชัดเจนว่า โจทก์มีสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวในการกระทำเกี่ยวกับการแสดงของงานครั้งใด อย่างไร โดยให้โจทก์แก้ฟ้องให้ชัดเจนถูกต้องภายใน 7 วันนับตั้งเเต่วันนี้