ผช.ผบ.ตร. พร้อมผบช.ภ.9 แถลงปิดจ๊อบคดียิงถล่มโหด 3 ศพกลางเมืองพัทลุง โดยผู้ก่อเหตุยังให้การปฏิเสธ เตรียมนำตัวส่งศาลจังหวัดพัทลุง พร้อมค้านประกันตัวในวันพรุ่งนี้

เมื่อวันที่ 2 ส.ค.63 ที่ จ.พัทลุง พล.ต.ท.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ผช.ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ภ.9 พล.ต.ต.กฤษดา แก้วจันทร์ดำ ผบก.ภ.จว.พัทลุง ร่วมแถลงข่าวการรับมอบตัว 3 ผู้ต้องหาก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงถล่ม 3 ศพ เหตุเกิดใจกลางเมืองพัทลุง เมื่อวันที่ 29 ก.ค.63 ที่ผ่านมา

โดยผู้ต้องหาทั้ง 3 คนประกอบด้วย 1.นายวีระยุทธ หอยทรัพย์ อายุ 38 ปี อยู่ ต.เขาเจียก อ.เมืองพัทลุง นายภูวเนศวร์ หนูมาก อายุ 44 ปี อยู่ ต.ดอนประดู่ อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง และนายศรชัย ทับครุฑ อายุ 40 ปี อยู่ ต.ท่าแค อ.เมืองพัทลุง ได้เดินทางเข้ามอบตัวกับ พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี ผบก.ภจว.พัทลุง พร้อมด้วยอาวุธปืนยาวซีเอ็มเอ็มจี แบนซี่ ใช้กระสุน 9 มม. จำนวน 1 กระบอก มีใบอนุญาตและรถยนต์กระบะโตโยต้า วีโก้ สีดำ หมายเลข บต 1815 พัทลุง คันที่ใช่ก่อเหตุ

เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 3 คนยังให้การภาคเสธ รวมทั้งปฏิเสธการให้สัมภาษณ์และการชี้จุดที่เกิดเหตุโดยจากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ระบุเหตุจูงใจเกิดจากความขัดแย้งส่วนตัวระหว่างนายวีรยุทธ หรือเด่น หอยทรัพย์ กับนายรัตนพงษ์ หรือพง จันทร์ปน ผู้เสียชีวิตคนแรก ซึ่งเคยขัดแย้งกันมาก่อนในเรื่องผิดกฎหมาย โดยระบุอย่ามาทำงานทับเส้นกันและในคืนวันเกิดเหตุทั้งสองได้ไปเจอกันโดยบังเอิญที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่ง และนั่งโต๊ะใกล้กันนายรัตนพงษ์ ผู้เสียชิวิตนคนแรก ได้เอาปืนไปจี้ที่เอวของวีรยุทธ และบอกว่าห้ามยุ่งเกี่ยว และไม่ต้องมาพูดคุยกันอีกต่อไป ซึ่งในช่วงนาทีนั้นนายวีรยุทธได้รับปากจะไม่ยุ่งเกี่ยวนายรัตนพงษ์ จึงกลับไปนั่งที่โต๊ะ ส่วนนายวีรยุทธ ได้ออกจากร้านมา แต่ก็ได้สร้างความโกรธให้กับนายวีรยุทธเป็นอย่างมาก จึงโทรหาพรรคพวกอีก 2 คนที่นั่งกินข้าวต้มอยู่ที่ข้างธนาคาร ธ.ก.ส. นายวีรยุทธจึงได้โทรให้นายรัตนพงษ์มาเจอที่หน้า ธ.ก.ส. เพื่อพูดคุยกันในเรื่องความขัดแย้ง พร้อมได้นัดหมายเพื่อนอีก 2 คนไว้ เมื่อนายรัตนพงษ์เจอกับนายวีรยุทธที่หน้า ธ.ก.ส. นายวีรยุทธก็เปิดฉากยิงใส่ โดยมีเพื่อนอีกสองคนของนายวีรยุทธเข้ามาช่วยก่อเหตุด้วย

...

พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ภ.9 ระบุว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวชายที่อยู่ในรถเก๋งได้วิ่งหนีรอดชีวิตไป 1 คน คือ นายชลทิต แช่หลี ซึ่งขอให้รีบมาพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้ปากคำ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะส่งเข้าโครงการคุ้มครองพยานพร้อมยืนยันอาวุธปืนว่าจากการตรวจปลอกกระสุนปืนในที่เกิดเหตุพบว่า อาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุมีจำนวน 3 กระบอก ส่วนอีก 2 กระบอกกำลังติดตามอยู่ โดยตอนนี้ผู้ต้องหายังให้การภาคเสธ และพูดฝ่ายเดียว ถึงปมขัดแย้งซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องพิสูจน์ทราบอีกครั้ง ซึ่งต้องรอให้นายชลทิตมาให้การ

ส่วนกลุ่มผู้ก่อเหตุจะมีการสอบขยายผลของเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้ง ว่ายังมีใครอยู่เบื้องหลังหรือไม่อย่างไร และจะนำผู้ต้องหาทั้ง 3 คนส่งศาลจังหวัดพรุ่งนี้ พร้อมคัดค้านการประกันตัว.