แม่ลูกจ้างสาวโกงงบ 40 ล้าน ยื่นโฉนดมูลค่า 3 แสน ขอประกันตัวหลังโดนหมายจับเอี่ยวลูกสาว ด้าน หน.การเงิน รับทราบข้อหา ม.157 ปฏิเสธตลอดข้อหา ผบก.ประจวบฯ เผยมีเข้าข่ายหลายคน แต่รอผลพิสูจน์ลายมือ

กรณี น.ส.ขนิษฐา หอยทอง อายุ 28 ปี พนักงานราชการ สำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ บุตรสาวของ อดีตกำนัน ต.คลองวาฬ อ.เมือง จ.ประจวบฯ ถูกแจ้งดำเนินคดีข้อหายักยอกทรัพย์ ปลอมเอกสารของทางราชการ และใช้เอกสารปลอม เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2563 หลังจากนำเงินงบประมาณของทางราชการกว่า 40 ล้านบาท จากการโอนเงินผ่านระบบการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ GFMIS โอนเข้าบัญชีส่วนตัว และพบการกระทำความผิดในการทำข้อมูลหลักฐานเท็จจากการปลอมเช็ครวม 166 ครั้ง ขณะนี้ถูกควบคุมตัวจากการฝากขังผัดที่ 3 ในเรือนจำ จ.ประจวบคีรีขันธ์

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 22 กรกฎาคม 2563 หลังจากศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์อนุมัติให้ออกหมายจับ นางสายพิณ ดิบดีคุ้ม อายุ 60 ปี ชาวบ้าน หมู่ 8 ต.คลองวาฬ อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ มารดาของ น.ส.ขนิษฐา พนักงานราชการ ในมาตรา 86 และข้อหาสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำความผิดตามมาตรา 157 ตามประมวลกฎหมายอาญา ต่อมานางสายพิณ พร้อมญาติได้เดินทางเข้ามอบตัวกับ ร.ต.อ.หญิง สุภาภรณ์ ดวงกันยา พนักงานสอบสวน สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา จากนั้นได้เจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำ โดยนางสายพิณปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ซึ่งใช้เวลาสอบปากคำนานกว่า 1 ชั่วโมง หลังเสร็จสิ้นพนักงานสอบสวนได้นำตัวไปขออำนาจศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ฝากขังผัดแรก 12 วัน พร้อมคัดค้านการประกันตัว ขณะที่ผู้ต้องหาเตรียมโฉนดที่ดิน 2 ไร่ ที่ ต.คลองวาฬ ตีมูลค่าหลักทรัพย์ 3 แสนบาท ยื่นขอประกันตัวในชั้นศาลผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์

นางสายพิณ กล่าวว่า หลังจากทราบว่าศาลออกหมายจับ เดิมไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะตกเป็นผู้ต้องหา แต่ไม่เคยคิดหลบหนีไปประเทศเพื่อนบ้าน ตามที่บางฝ่ายตั้งข้อสังเกต เพราะมีอาชีพเลี้ยงวัว และมีรายได้จากเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเดือนละ 600 บาท และได้รับเงินจากบุตรสาวเดือนละ 2-3 พันบาท ที่ให้ไว้เป็นค่าใช้จ่ายในครอบครัว ส่วนสามีเก่าที่เป็นอดีตกำนันตำบลคลองวาฬไม่ได้ยุ่งเกี่ยว เนื่องจากเลิกรากันมานานแล้ว และหลังจากบุตรสาวมีปัญหาถูกดำเนินคดี ก็ไม่เคยติดต่อกลับมาเพื่อให้ความช่วยเหลือ

มารดาของ น.ส.ขนิษฐา กล่าวต่อว่า ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดของลูกสาว แม้ว่าจะอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน แต่ลูกสาวไม่เคยเล่าอะไรให้ฟัง และยอมรับว่าในระยะหลังสังเกตลูกสาวมีอาการเครียด ก่อนที่จะถูกดำเนินคดี ซึ่งลูกสาวยอมรับว่า เอาเงินไปเล่นการพนันออนไลน์จริง ไม่อย่างนั้นเงินจะหายไปไหนหมด และไม่เคยเอาเงินมาให้แม่นอกจากเงินเดือน

...

นางสายพิณ กล่าวอีกว่า ส่วนบัญชีเงินฝากธนาคาร ธ.ก.ส. ที่ใช้โอนเงินจาการทุจริตเป็นบัญชีที่เปิดไว้เพื่อรับเงินผู้สูงอายุรายเดือน และหลังจากลูกสาวถูกจับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้อายัดเงินในบัญชีทั้งหมด ก่อนหน้านี้หลังลูกสาวติดคุกได้เดินทางไปเยี่ยมที่เรือนจำครั้งเดียว ลูกสาวบ่นคิดถึงลูกสาววัย 3 ขวบ เพิ่งเข้าเรียนในชั้นเด็กเล็กเป็นปีแรก” นางสายพิณ กล่าว

มีรายงานว่า สำหรับสาเหตุที่นางสายพิณถูกแจ้งข้อกล่าวหา เนื่องจากที่ผ่านมา น.ส.ขนิษฐาโอนเงินจากบัญชีภัยแล้ง 23.2 ล้านบาท บัญชีงบแผนพัฒนาจังหวัดปี 2563 จำนวน 3.2 ล้านบาท บัญชีเงินฝากคลัง 7.3 ล้านบาท เข้าบัญชีธนาคาร ธ.ก.ส. สาขาประจวบคีรีขันธ์ ชื่อบัญชี นางสายพิณ โดยผ่านระบบการเงินการคลัง GFMIS เพื่อนำไปสร้างข้อมูลหลักฐานเท็จ ให้มารดาเป็นตัวแทนในระบบหลักผู้ขาย จากนั้นมีการกรอกข้อมูลผ่านแบบขออนุมัติข้อมูลหลักผู้ขาย มีการปลอมลายมือชื่อของผู้มีอำนาจ เพื่อนำไปสร้างข้อมูลหลักผู้ขายและสั่งจ่ายเงินตรงเข้าบัญชีที่กรอกไว้ตามแบบอนุมัติข้อมูลหลักผู้ขาย

ขณะที่ นางประชิด วงศ์ประภารัตน์ นักวิชาการการเงินและบัญชีชำนาญการ หัวหน้าการเงิน สำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้เข้ารับทราบข้อกล่าวหากับพนักงานสอบสวน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 หลังให้ปากคำ พนักงานสอบสวนได้ปล่อยตัวชั่วคราว เนื่องจากเป็นข้าราชการระดับสูงและไม่มีพฤติกรรมหลบหนี ขณะที่ผู้ต้องหาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยมีอาการเครียดอย่างชัดเจน

ทั้งนี้ มีรายงานว่ายังข้าราชการ สำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อีกหลายรายเข้าข่ายถูกแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน และการพิสูจน์หลักฐานการลงลายมือชื่อจากเอกสารทางการเงิน สำหรับการติดตามเส้นทางการเงิน ที่ผู้ต้องหาอ้างว่านำไปเล่นการพนันออนไลน์จนหมด ได้ประสานกับ ปปง. และ ปอท. ใช้กฎหมายพิเศษและความเชี่ยวชาญตรวจสอบทั้งระบบ

พล.ต.ต.สุรศักดิ์ สุขแสวง ผู้บังคับการตำรวจภูธร (ผบก.ภ.) จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า การออกหมายจับเพิ่มเติม จะต้องรอผลการตรวจพิสูจน์หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์จากการลงลายมือในเอกสารทางการเงิน ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกฝ่ายทำงานเต็มที่ เนื่องจากเป็นการทุจริตที่มีงบประมาณจำนวนมากและคดีนี้ประชาชนให้ความสนใจ ขณะที่ น.ส.ขนิษฐา หากครบกำหนดฝากขังในผัดที่ 4 พนักงานสอบสวนจะนำสำนวน และนำตัวผู้ต้องหาไปมอบอำนาจให้ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 จ.สมุทรสงคราม ในการพิจารณาคดีและทำการฝากขัง.