ผบช.น.เผย ตร.กำลังรวบรวมหลักฐาน ยังไม่ชี้ชัดแกนนำกลุ่มเยาวชนปลดแอกผิดข้อหาใดบ้าง แต่อยู่ในข่ายผิดตาม พ.ร.บ.ฉุกเฉิน-ควบคุมโรคติดต่อ และ พ.ร.บ.การจราจรทางบก รองโฆษกฯห่วงม็อบหน้า บก.ทบ.เย็นนี้
เมื่อวันที่ 20 ก.ค.63 ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บก.สส.บช.น.) ถนนศรีอยุธยา พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. ได้เรียกประชุมคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน จากกรณีการชุมนุมของเยาวชนปลดแอก-Free YOUTH ขับไล่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 18 ก.ค. โดยมี พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ รอง ผบช.น. หัวหน้าคณะพนักงานสืบสวน พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นท้วม รอง ผบช.น. หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน พล.ต.ต.สันติ ชัยนิรามัย ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.สำเริง สวนทอง ผบก.น.1 พล.ต.ต.เมธี รักพันธุ์ ผบก.น.6 ฝ่ายสืบสวน กก.สส.บก.น.1 และ 6 ฝ่ายสืบสวน สน.สำราญราษฎร์ สน.ชนะสงคราม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม พร้อมให้นำพยานหลักฐานต่างๆ ที่รวบรวมได้รวมถึงพฤติกรรมแกนนำ และผู้ชุมนุม เข้าพิจารณาในที่ประชุมว่าเข้าข่ายความผิดใดเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมครั้งนี้ได้มีเจ้าหน้าที่จากกองบัญชาการตำรวจสันติบาล (บช.ส.) กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (บก.สปพ.) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) รวมถึงโรงพักท้องที่การชุมนุมทั้ง 3 แห่ง คือ สน.สำราญราษฎร์ สน.นางเลิ้ง สน.ชนะสงคราม และหน่วยที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมหารือเกี่ยวกับข้อกฎหมาย รวมถึงการรวบรวมพยานหลักฐานของการชุมนุมทั้งในกรุงเทพฯ และพื้นที่อื่นว่ามีความผิดใดหรือไม่
...
แต่การประชุมครั้งนี้ไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปบันทึกภาพก่อนการประชุม อีกทั้งนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ได้เดินทางเข้าห้องประชุมจากด้านหลัง ทำให้ผู้สื่อข่าวที่รอสัมภาษณ์ต่างผิดหวังไปตามๆ กัน ในส่วนนี้ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการได้ออกจากที่ประชุม แล้วแยกย้ายกันกลับโดยไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ ต่อสื่อมวลชนที่มารอทำข่าว ขณะที่ผู้บังคับบัญชาระดับสูงยังคงประชุมหารือต่อไปโดยใช้เวลาประชุมนานกว่า 3 ชั่วโมงจึงแล้วเสร็จ

พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. เปิดเผยว่า ขณะนี้ อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ส่วนจะมีการออกหมายเรียกแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมเข้ามาสอบสวนหรือไม่ อยู่ระหว่างการพิจารณาของทีมพนักงานสอบสวน ยังไม่สามารถระบุหรือชี้ชัดได้ว่า มีผู้ใดเข้าข่ายความผิดใดบ้าง แต่การพิจารณาความผิดจะอยู่ภายใต้กฎหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ และ พ.ร.บ.การจราจรทางบก ยืนยันว่าที่ผ่านมาตำรวจปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลัง ทั้งการข่าว การจราจร และการดูแลความสงบ โดยการชุมนุมที่ผ่านมาตำรวจไม่ได้มีการประเมินสถานการณ์ต่ำ ฝากไปยังกลุ่มชุมนุม ขอให้คำนึงความเดือดร้อนของประชาชนเป็นหลัก

ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า เป็นการประชุมสรุปความคืบหน้าการชุมนุมที่เกิดขึ้นทั้ง กทม. และต่างจังหวัด สำหรับการดำเนินคดีทุกครั้งที่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองจะต้องศึกษาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจนเพราะอาจส่งผลอาจทำให้ถูกดำเนินคดีได้ในอนาคต แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าหน้าที่จะมุ่งที่จะดำเนินคดี อะไรที่ผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการ ในส่วนรายละเอียดที่จะดำเนินคดีอะไร กับใครบ้างส่วนนี้ไม่สามารถเปิดเผยได้
ส่วนที่จะมีการนัดชุมนุมที่หน้ากองบัญชาการกองทัพบก เย็นวันนี้ยอมรับว่าเป็นห่วงเรื่องบุคคลที่ 3 ที่อาจแฝงเข้ามาสร้างสถานการณ์ ทั้งนี้ยืนยันว่าตำรวจไม่ได้มีความขัดแย้งกับกลุ่มผู้ชุมนุม เพียงแต่เป็นการปฎิบัติตามหน้าที่ในการดูแลควบคุมการชุมนุม ในลักษณะนี้ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย แต่การชุมนุมต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย หากกระทำผิดกฎหมายฉบับใดฉบับหนึ่ง ก็ต้องถูกคดีตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างแน่นอน.