กลุ่มนักศึกษา เยาวชนปลดแอก ประกาศข้อเรียกร้อง 3 ประการ ก่อนนัดชุมนุมใหญ่พรุ่งนี้ ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ลั่นหากไม่มีการตอบรับใดๆ จากทางรัฐบาลขู่จะยกระดับการชุมนุม
จากกรณีกลุ่มสหภาพนักเรียนนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย หรือ สนท. และเยาวชนในนามกลุ่มเยาวชนปลดแอก - Free YOUTH รวมตัวจัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ เพื่อแสดงออกแนวคิดทางการเมือง ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในวันที่ 18 ก.ค.นี้ โดยมีข้อความ และรายละเอียดให้เตรียมมาตรการป้องกันตัวเองจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดเพจเฟซบุ๊ก เยาวชนปลดแอก - Free YOUTH ได้โพสต์ข้อเรียกร้องในการชุมนุมใหญ่ที่จะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้ (18 ก.ค.) โดยมีรายละเอียดดังนี้
ประกาศข้อเรียกร้อง 3 ประการ!
1. “ต้องประกาศยุบสภา” รัฐบาลสืบทอดอำนาจภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ล้มเหลวในการบริหารเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดวิกฤติการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 รัฐบาลได้ประกาศภาวะฉุกเฉินและออกมาตรการ Lockdown ส่งผลให้มีคนตกงานและขาดรายได้เป็นจำนวนมาก แต่รัฐบาลก็มิได้เยียวยาอย่างถ้วนหน้าและทั่วถึง
มิหนำซ้ำยังปล่อยให้ประชาชนเดือดร้อนจากพิษเศรษฐกิจโดยที่ไม่แยแสแต่อย่างใด ยิ่งไปกว่านั้นยังได้ปล่อยปละละเลยให้แขก VIP ที่มีเชื้อไวรัสเข้ามาในประเทศโดยที่ไม่ได้กักตัวซึ่งถือว่าสุ่มเสี่ยงต่อโอกาสที่จะมีการแพร่ระบาดครั้งใหญ่รอบ 2
ด้วยเหตุนี้เราจึงไม่อาจไว้วางใจให้รัฐบาลชุดนี้บริหารบ้านเมืองต่อไปได้ จึงขอยื่นคำขาดว่า นายกรัฐมนตรีต้องประกาศ “ยุบสภา” เพื่อคืนอำนาจให้ประชาชนและเปิดทางให้คนที่มีความรู้ความสามารถมาแก้ไขปัญหาทางการเมืองและเศรษฐกิจ
...
2. “หยุดคุกคามประชาชน” ภายหลังการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 เราต่างก็หวังกันว่าประเทศไทยจะมีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ประชาชนจะมีเสรีภาพในการแสดงออก และเสรีภาพในการชุมนุมโดยที่ไม่ถูกคุกคามและยัดข้อกล่าวหาหรือคดีความ แต่ความเป็นจริงแล้วหาเป็นเช่นนั้นไม่การคุกคามทั้งทางกายภาพและทางจิตวิทยายังคงดำเนินต่อไปแทบไม่ต่างจากเมื่อสมัยที่ คสช.ยังมีอำนาจอยู่ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ลูกๆ หลานๆ ของเราถูกยัดคดีไปทีละคน ทีละคน
มีการอ้างความมั่นคงเพื่อปิดปากประชาชนที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยและความยุติธรรม ดังนั้นเราจึงขอเรียกร้องให้หยุดคุกคามประชาชน ทั้งทางกายภาพ ทางจิตวิทยาตลอดจนการยัดข้อหาเพื่อดำเนินคดีรวมไปถึงให้รัฐสภายกเลิกกฎหมายที่ละเมิดเสรีภาพในการแสดงออกและเสรีภาพในการชุมนุมตามระบอบประชาธิปไตย
3. “ร่างรัฐธรรมนูญใหม่” เรามีรัฐธรรมนูญที่เอื้อต่อการสืบทอดอำนาจของรัฐบาลเผด็จการ โดยแรกเริ่มเดิมทีก็มีที่มาที่ไม่ชอบธรรมตามระบอบประชาธิปไตยแล้ว เพราะ คณะผู้ร่างไม่ได้มีความยึดโยงกับประชาชน ผู้ที่รณรงค์ให้ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญในการลงประชามติก็ถูกคุกคามและยัดข้อหากันไปหลายคน เนื้อหาของรัฐธรรมนูญก็เป็นไปเพื่อรักษาระบอบเผด็จการในคราบประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็น
- ส.ว.250 ยกมือโหวตให้หัวหน้าคณะรัฐประหารเป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อสืบทอดอำนาจ
- องค์กรอิสระ และศาลถูกใช้เป็นเครื่องมือในการกำจัดประชาชนและนักการเมืองที่เห็นต่างจากผู้มีอำนาจทั้งที่พูดถึงได้และพูดถึงไม่ได้
- ระบบเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสมและบัตรใบเดียวที่บิดเบือนเจตจำนงของประชาชน และทำให้เกิดรัฐบาลที่ไม่เข้มแข็ง ไร้ประสิทธิภาพ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาประเทศได้ รวมไปถึงการผุดของงูเห่าหรือผู้แทนราษฎรที่ทรยศต่อประชาชน
- นอกจากนี้ยังมีโครงสร้างที่ไม่เป็นธรรมอื่นๆ อีกที่เป็นต้นตอปัญหาที่เรื้อรังมาเป็นเวลายาวนาน
สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่ารัฐธรรมนูญฉบับสืบทอดอำนาจนี้เป็นต้นตอของปัญหาทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคม
ดังนั้นการจะปลดล็อกกุญแจดอกแรกที่จะนำพาประเทศไทยเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชนอย่างแท้จริงได้ คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเปิดทางให้มีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ โดยคำนึงถึงหลักการสิทธิมนุษยชนเป็นหลักและปราศจากการแทรกแซงของคนที่ประชาชนไม่ได้เลือก
หากภายใน 2 สัปดาห์นับตั้งแต่เราอ่านประกาศวันที่ 18 กรกฎาคมนี้ หากไม่มีการตอบรับใด ๆ จากทางรัฐบาลเกี่ยวกับข้อเรียกร้องทั้ง 3 ประการนี้ เราจะทำการยกระดับการชุมนุมต่อไป
เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า นอกจากนี้ เพจเฟซบุ๊กดังกล่าว ยังโพสต์ข้อความระบุว่า แค่ร่างกายต้องการปะทะแก๊สน้ำตาไม่พอ!! ต้องเตรียมพร้อมด้วย DRESS CODE: เสื้อสีดำ เพื่อไว้อาลัยให้กับความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นรายวันในประเทศที่อ้างว่าเป็นประชาธิปไตย
-
เวลานี้เราไม่ทนอีกแล้ว! 17:00 น. เป็นต้นไป 18 กรกฎาคมนี้! มุ่งตรงไปยังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ขจัดต้นตอของปัญหา ถอนโคนเผด็จการที่ฝังรากลึกมายาวนาน
*โปรดสวมหน้ากากอนามัยและพกเจลล้างมือ*แจกฟรีพิซซ่า 112 ชิ้นสำหรับผู้ที่มาก่อน*เรามีหน่วยพยาบาล.อย่าให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องของลูกหลานเราที่ต้องมาเรียกร้องความยุติธรรมไม่จบสิ้น ให้มันจบในรุ่นของเรา.