มารดาน้องนุ่มนิ่ม เผยไม่เชื่อลูกจะคิดฆ่าตัวตาย ยอมรับติดใจเรื่องมือข้างที่ใช้ปืน ยันลูกไม่ได้ป่วยซึมเศร้า ด้านสามีนายตำรวจ โอดชีวิตแทบไม่มีที่ยืน ยืนยันไม่ได้ฆ่า และภรรยาเป็นคนถนัดทั้ง 2 มือ

จากกรณี น.ส.พิมชฎาพร ภูแย้มไสย์ วัย 30 ปี ภรรยาสาวของ ร.ต.อ.ทรงกลด บุญส่ง รองสารวัตรสืบสวน สน.วังทองหลาง เสียชีวิตภายในทาวน์เฮาส์สูง 2 ชั้น ย่านบางกะปิ ในสภาพศพใส่ชุดนอน มีรอยกระสุนปืนขนาด .45 ออโต้ ยิงเข้าที่บริเวณศีรษะด้านซ้าย 1 นัด ด้านญาติไม่เชื่อ พบพิรุธ ผู้ตายถนัดมือขวา แต่มีรอยกระสุนที่ศีรษะด้านซ้าย ซ้ำก่อนเกิดเหตุยังคุยกันด้วยน้ำเสียงปกติ บอกจะพาลูกสาวไปเที่ยว

เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ (21 มิ.ย.) ที่ สน.ลาดพร้าว ทางญาติของ นางสาวพิมชฎาพร ภูแย้มไสย์ หรือ “น้องนุ่มนิ่ม” ได้เดินทางเข้ามาให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน และขอใบรับรองเพื่อนำไปรับศพ “น้องนุ่มนิ่ม” ที่สถาบันนิติเวชวิทยาศาสตร์โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อนำไปบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมที่บ้านเกิดในจังหวัดกาฬสินธุ์

นางทองใส่ ภูคงน้ำ อายุ 56 ปี ผู้เป็นมารดา กล่าวว่า ไม่เชื่อลูกสาวจะฆ่าคัวตาย เพราะทุกครั้งที่มีข่าวเกี่ยวกับการฆ่าตัวตาย ลูกสาวมักพูดเสมอว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการทำสิ้นคิด ตนเองมีสมองไม่มีทางทำแบบนั้น และการฆ่าตัวตายเมื่อตายไปแล้วจะไม่ได้ไปผุดไปเกิด และยอมรับว่า ยังติดใจเรื่องการใช้อาวุธในปืนในที่เกิดเหตุ เนื่องจากลูกสาวถนัดมือขวา แต่สภาพศพที่พบถือปืนในมือซ้าย

...

มารดาของ น.ส.พิมชฎาพร กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ลูกสาวเคยมาเล่าว่ามีปัญหาทะเลาะกันบ่อยครั้งกับสามี เรื่องภายในครอบครัว รุนแรงถึงขนาดใช้ปืนจ่อที่ศีรษะลูกตน พร้อมยืนยันลูกไม่ได้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า เพราะก่อนเกิดเหตุยังไลฟ์ขายของปกติดี ดูท่าทางร่าเริง พอหลังเกิดเหตุสามีลูกสาวยังไม่เคยติดต่อมาอีกเลย

ด้าน น.ส.พนิตา บุญโชติ อายุ 31 ปี ลูกพี่ลูกน้องผู้ตาย กล่าวว่า ผู้ตายคบกับนายตำรวจคนนี้ตั้งแต่ปี 59 โดยในช่วงที่คนแรกๆ น้องสาวตนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้ตายเคยมีลูกมีเมียกันมาก่อน น้องสาวมารู้ทีหลังตอนช่วงที่กำลังตั้งทอง ถึงกับเคยโทร.มาปรึกษาตนว่า นายตำรวจโกหกว่าตัวเองโสด น้องจึงตัดสินใจคบหาและมีครอบครัวด้วย เพราะถ้าพูดกันตามตรงน้องทำอาชีพพริตตี้ งานก็ไม่ได้มั่นคงขนาดนั้น การที่จะมีครอบครัว หน้าที่การงานเขาก็ดีจึงตัดสินใจมีลูกมีครอบครัว

น.ส.พนิตา กล่าวต่อว่า พักหลังๆ น้องทะเลาะกับผู้ชายคนนี้บ่อยขึ้น มีการลงไม้ลงมือ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่ผู้ชายชอบไปกินเหล้า ไม่ยอมเข้าบ้าน น้องบอกเขาติดการพนันด้วย ส่วนเรื่องชู้สาวตนก็คิดว่าน่าจะมี เขาแทบจะไม่เคยดูแลน้องตนเลย อย่างตอนช่วงที่คลอดลูก น้องตนไป รพ.ไม่ทันถึงกลับต้องคลอดลูกตรงบันไดทางขึ้นแฟลตตำรวจที่เขาเคยอยู่ด้วยกันด้วย

ส่วน รองสารวัตรสืบสวน สน.วังทองหลาง กล่าวถึงกรณี น.ส.พิมชฎาพร ภูแย้มไสย์ อายุ 30 ปี ภรรยาใช้อาวุธปืน .45 ยิงตัวเองเสียชีวิต ว่า ขณะนี้ตนแทบไม่มีที่ยืน เครียดมาก เพราะทางครอบครัวของแฟนที่เสียชีวิตคิดว่าตนอาจมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ แต่ตนยืนยันว่าตนไม่ได้ทำ และไม่มีเหตุผลที่จะทำ เพราะเขาคือคนที่ตนรักและมีลูกด้วยกัน ก่อนหน้านี้ยอมรับว่าครอบครัวของแฟนไม่ชอบตนจริง และไม่เคยเจอกัน มีเพียงพูดคุยกับแม่แฟนผ่านโทรศัพท์มือถือเท่านั้น ตนก็พยายามพิสูจน์ให้แม่ของแฟนเห็นว่าตนสามารถดูแลลูกของเขาได้ จึงได้ซื้อบ้านเมื่อ 3 เดือนก่อน เพื่อทำให้เห็นว่าลูกของเขาจะไม่ลำบาก

ร.ต.อ.ทรงกลด บุญส่ง รองสารวัตรสืบสวน สน.วังทองหลาง
ร.ต.อ.ทรงกลด บุญส่ง รองสารวัตรสืบสวน สน.วังทองหลาง

...

รองสารวัตรสืบสวน กล่าวถึงเรื่องใช้ผ้าขาวคลุมศพภรรยา และเกิดข้อสงสัยว่า ขณะที่คลุมนั้นทางแพทย์ได้ทำการชันสูตรเบื้องต้นเรียบร้อยแล้ว และทุกคนที่มาในที่เกิดเหตุก็เห็นสามารถไปถามทุกคนได้ ส่วนอาวุธปืนที่ก่อเหตุนั้น รองสารวัตรสืบสวนบอกว่า ตนได้ใส่ไว้ในกระเป๋าวางไว้บนหัวเตียงในห้องนอน และไม่รู้ว่าแฟนไปหยิบออกมาเมื่อไร และอาวุธปืนไม่ได้มีการขึ้นนก จึงเชื่อว่าไม่สามารถลั่นได้อย่างแน่นอน เมื่อถามว่าครอบครัวผู้เสียชีวิตสงสัยว่าทำไมถึงยิงมือซ้าย ทั้งๆ ที่ผู้ตายถนัดขวา รองสารวัตรสืบสวนกล่าวว่า ผู้ตายถนัดทั้งสองข้าง

ขณะประเด็นทำร้ายร่างกายนั้น รองสารวัตรสืบสวนยอมรับว่าทะเลาะกันและเคยใช้กำลังด้วยการตบไปที่ใบหน้า เนื่องจากภรรยาพยายามจะเอาลูกกลับไปที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งตนไม่อยากให้เอากลับไป จนเกิดการยื้อแย่งกัน แต่ยืนยันว่าตนไม่เคยนำอาวุธปืนไปจ่อศีรษะภรรยาตามที่ถูกกล่าวหา

รองสารวัตรสืบสวน กล่าวถึงเหตุการณ์ก่อนเกิดว่า วันที่เกิดเหตุตนได้กลับบ้านในช่วงเวลาประมาณ 01.00 น. เมื่อมาถึงก็ได้มีการโทรศัพท์เรียกให้ภรรยาลงมาเปิดประตูบ้านให้ตามปกติ เพราะตนไม่มีกุญแจ และหลังจากนั้นภรรยาก็ลงมาเปิดประตูให้ตามปกติ เมื่อเข้าไปในบ้านตนได้นั่งดูหนังที่ชั้นล่าง ส่วนภรรยาได้ขึ้นไปนอนที่ชั้นบน เมื่อดูหนังจบตนได้ขึ้นไปนอนในห้อง

นางสาวพิมชฎาพร ภูแย้มไสย์ หรือ นุ่มนิ่ม
นางสาวพิมชฎาพร ภูแย้มไสย์ หรือ นุ่มนิ่ม

...

ภรรยาได้บอกมาว่า อยากอยู่คนเดียว ก่อนที่จะเดินออกไป ตนก็พยายามบอกว่าให้มานอนด้วยกัน แต่ภรรยาไม่ฟัง และออกไปนอนอีกห้องทันที ต่อมาตนได้เดินไปเคาะประตูเพื่อให้กลับมานอนด้วยกัน แต่ภารยาไม่เปิด จึงได้พยายามใช้เท้ากระแทกประตูเข้าไป เมื่อเข้าไปได้ภารยาก็ยังยืนยันว่าจะอยู่คนเดียว ตนจึงพยายามพูดคุยจนภรรยาใจอ่อน และได้จูงมือภรรยากลับมานอนด้วยกันที่ห้องก่อนที่จะหลับไป ก่อนจะได้ยินเสียงปืนจึงรีบลงมาตามหาภรรยา และพบว่าได้ใช้อาวุธปืนยิงตัวเอง ตนจึงโทรแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ร.ต.อ.ทรงกลด กล่าวด้วยว่า สำหรับเรื่องการทะเลาะจนถึงขั้นทำร้ายร่างกายกันนั้น ตนขอแก้ข่าวที่บอกว่าเคยเอาปืนจ่อหน้าผู้ตาย ตนไม่เคยทำ แต่ยอมรับว่าเคยทะเลาะกันและเคยใช้กำลังด้วยการตบไปที่ใบหน้า เนื่องจากภรรยาพยายามจะเอาลูกกลับไปที่จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยตนเองไม่อยากให้เอากลับไป จนเกิดการยื้อแย่งกัน ซึ่งปกติผู้ตายชอบประชดบอกว่าจะพาลูกกลับแบบนี้เสมอ.