เหตุสลดเมื่อช่วงหัวค่ำวันที่ 16 มิ.ย.เพื่อนบ้านพบศพชายวัย 58 ปี เสียชีวิตในสภาพโดนมีดฟันกลางหน้าผากเป็นแผลฉกรรจ์ เลือดนองเต็มพื้นบ้านภายในซอยชุมชนท่าทราย พร้อมภาพสยองอวัยวะเพศถูกตัดขาดกระจุยไปทั้งหมด
- ผู้ก่อเหตุไม่ใช่ใคร เป็นลูกสาวแท้ๆ วัย 29 ปี ลงมือกระทำ เนื่องจากเพื่อนบ้านในละแวกนั้นเห็นความผิดปกติ เลือดเต็มร่างหญิงสาวผู้ฆ่าพ่อ ขณะเดินผ่านไปในสภาพกระเซอะกระเซิง แววตาเหม่อลอย ก่อนหนีหายจากไปในเวลาอันรวดเร็ว
- ทันทีที่ตำรวจโรงพักทุ่งสองห้อง ไปถึงที่เกิดเหตุ ทำการสอบปากคำผู้อยู่ในละแวกใกล้เคียง จึงรีบติดตามตัวหญิงสาวจนสามารถจับกุมได้เมื่อเวลาประมาณ 02.30 น. วันที่ 17 มิ.ย. บริเวณปากซอยชินเขต 1/31 ห่างจากบ้านที่เกิดเหตุประมาณ 2 กิโลกว่า
- ช่วงเวลาค่ำคืน ใกล้เช้าตรู่ หญิงสาวผมยาวประบ่าในสภาพยุ่งเหยิง สวมเสื้อยืดแขนสั้นเห็นรอยสักที่แขน ใส่กางเกงยีนส์สั้น มีผ้าพันแผลที่ขาทั้งสองข้าง ยังคงปฏิเสธว่าไม่ได้ทำอะไรผิด และไม่ได้พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่อย่างใดขณะถูกตำรวจควบคุมตัวบนโรงพัก โดยมีสีหน้าปกติเรียบเฉยเสมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
- ทำไมหญิงสาวจึงมีสภาพเช่นนี้ เหมือนผู้ป่วยทางจิต หรือมีอะไรในใจ จนก่อเหตุไม่คาดคิดขึ้น เพราะขณะอยู่ห้องควบคุม เธอได้แต่ตะโกนถูกใส่ร้าย อ้างถูกผู้เป็นพ่อทำร้ายมาตั้งแต่เด็ก และเมื่อย้อนหลังไปไม่นาน ตำรวจโรงพักแห่งนี้เคยรับแจ้งความจากเธอบ่อยครั้ง เรื่องลูกสาววัย 10 ขวบของเธอถูกสามีข่มขืน และทุกครั้งนั่งวินมอเตอร์ไซค์มา ไม่เคยจ่ายค่ารถ จนตำรวจต้องควักเงินตัวเองจ่ายให้แทน
- เมื่อเกิดเรื่องขึ้น แม่บังเกิดเกล้ารีบเดินทางมาโรงพักทุ่งสองห้องเพื่อเยี่ยมลูกสาว หลังเลิกรากับสามีมานาน และทราบว่าลูกสาวชอบไปขอเงินพ่อ จนถูกด่าหยาบคาย กลัวจะนำเงินไปซื้อยามาเสพ กระทั่งเกิดเหตุสลดขึ้น และก่อนหน้าเคยเจอลูกสาวบ้าง สังเกตเห็นลูกมีอาการทางจิต ตั้งแต่ปี 2560 และพบแพทย์ช่วงปี 2561 จนโควิดระบาด ทำให้ไม่เจอกันตั้งแต่เดือน เม.ย.ที่ผ่านมา
- ผ่านไป 1 วัน หญิงสาวที่ขณะนี้ตกเป็นผู้ต้องหา ยังคงให้การวกวนเกี่ยวกับเรื่องคดี บอกกับตำรวจไม่รู้เรื่องนี้ ยกเว้นถามเรื่องอื่นๆ ทั่วไปสามารถตอบได้ทั้งหมด จนพนักงานสอบสวนไม่สามารถสอบสวนได้ จึงต้องนำตัวส่งรักษาที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ ให้หมอจิตเวชรักษา วินิจฉัย รอให้หายเป็นปกติ ก่อนนำตัวกลับมาดำเนินคดี
- หรืออาการทางจิตของหญิงสาวจะรุนแรงขึ้น แต่จากประวัติการรักษาที่ รพ.ศรีธัญญา ไม่มีอาการทางจิตที่รุนแรง เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวน ได้แจ้งข้อหาฆ่าบุพการี ซึ่งมีโทษหนัก และขณะอยู่ในห้องควบคุมสามารถนอนหลับได้ จนช่วงเช้าวันที่ 18 มิ.ย. พ่อเลี้ยงของหญิงสาวได้มาเยี่ยม กลับโดนหาว่าลงมือข่มขืนหลานสาว และพูดจาไม่รู้เรื่องอีก
- เมื่อไล่เรียงข้อมูลจากคำบอกเล่าของคนใกล้ชิด รวมถึงเพื่อนของเธอ อาจเชื่อได้ว่าเกิดจากความรุนแรงที่ถูกกระทำตั้งแต่วัยเด็ก และอดีตความหลังฝังใจที่หญิงสาววัย 29 ปี ไม่อาจจะลบเลือน กลายเป็นความทุกข์ทรมานใจตลอดเวลา โดยเฉพาะเรื่องลูกสาวของเธอถูกข่มขืน หากเป็นเรื่องจริงถือว่าเธอน่าสงสารมากๆ
...
ผศ.ดร.ฐนันดร์ศักดิ์ บวรนันทกุล ประธานหลักสูตร ปรัชญาดุษฎีบัณฑิตอาชญาวิทยา การบริหารงานยุติธรรม มหาวิทยาลัยมหิดล ตั้งข้อสังเกตผ่าน "ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์" ว่า เหตุใดหญิงสาวผู้ก่อเหตุฆ่าพ่อต้องตัดอวัยะเพศของผู้เป็นพ่อ หรืออาจมีข้อมูลอื่นๆ ที่ไม่มีใครรู้มาก่อน หรือสิ่งที่พ่อทำร้ายลูกสาวมาตลอด อาจเพราะไม่ใช่ลูกจริงๆ หรือไม่ ทำให้เกิดความรู้สึกจนทำร้ายหญิงสาวมาตั้งแต่เด็กๆ
พร้อมกับได้ตั้งข้อสมมติฐาน ทำไมหญิงสาวฆ่าพ่อแล้วตัดอวัยวะเพศทิ้ง มีปมอะไรที่เกี่ยวข้องกับการโดนละเมิดทางเพศหรือไม่ เพราะการถูกพ่อทำร้ายอย่างอื่น ไม่น่าถึงกับตัดอวัยวะเพศ หรืออาจเป็นไปได้ว่าหญิงสาวรายนี้มีปมที่ลูกสาววัย 10 ขวบ ถูกสามีตัวเองข่มขืนก็อาจเป็นไปได้
สิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมปัจจุบันต้องยอมรับว่าความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวเปลี่ยนไป ไม่เหมือนสมัยก่อน มีการเลี้ยงลูก มีการฟูมฟักต่างกัน และเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องใหม่ในสังคม เป็นเรื่องเกี่ยวกับสภาพจิตใจที่เก็บกดค่อนข้างมาก และในสังคมไทยแสดงออกไม่ค่อยได้ กระทั่งมีความรู้สึกว่าถูกเอาเปรียบ จนยอมไม่ได้จึงกระทำออกมา ไม่ใช่เฉพาะในเมืองไทย อาจมีการแสดงให้เห็นในลักษณะก้าวร้าว และเมื่อเก็บกดเรื่อยๆ เหมือนคนเก็บกดมากๆ เมื่อถึงจุดยอมไม่ได้จะไม่ยอมอีกต่อไป
“คดีหญิงสาวฆ่าพ่อ อาจมีความสัมพันธ์กับการเลี้ยงดู ถูกครอบครัวกดดันจนหันไปพึ่งสิ่งที่ไม่ดี และตอนลงมือฆ่าพ่อ หากมีการเสพยาแล้วมีอาการหลอน เพราะจากเคสในต่างประเทศและไทย ปกติแล้วจะไม่มีการตัดอวัยะเพศ คาดว่าช่วงก่อเหตุไม่เกี่ยวกับยา เหมือนมีความตั้งใจลงมือแล้วตัดอวัยวะเพศ น่าจะเกี่ยวกับปมถูกล่วงละเมิดทางเพศ จึงกระทำเช่นนั้นหรือไม่”
ในกรณีนี้หากหญิงสาวผู้ก่อเหตุ มีความผิดปกติทางจิตจริงๆ จะต้องส่งไปบำบัดรักษาให้หาย ก่อนนำมาพิจารณาโทษอีกครั้ง แต่ที่ผ่านมามีบางคนกว่าจะรักษาหายใช้เวลานานมาก บางคนใช้เวลามากถึง 10 ปี จนกว่าจะหาย เพราะฉะนั้นต้องมีข้อมูลว่าขณะหญิงสาวลงมือกระทำ มีสภาพจิตใจอย่างไรจริงๆ เรื่องนี้คงต้องรอข้อมูลให้เพียงพอ จะสามารถโยงให้เห็นได้อย่างชัดเจนได้.