ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี แจงยิบกรณีแก๊งญาติโฉดข่มขืนเด็กหญิง 12 ปี มี 1 รายได้รับการประกันตัว อยู่ที่ดุลยพินิจของศาล ชั้นสอบสวนตำรวจคัดค้านไปแล้ว มั่นใจหลักฐานที่มีสามารถเอาผิดได้หมดยกแก๊ง
กรณีแก๊งญาติหื่นกามรุมข่มขืนมาราธอน ด.ญ.ก้อย (นามสมมติ) อายุ 12 ปี นักเรียนชั้น ป.6 โรงเรียนแห่งหนึ่งในตัวเมืองสุพรรณบุรี จนเรื่องแดงขึ้นเพราะ ด.ญ.ก้อยขอให้พี่สาวพาไปรักษาอาการมดลูกอักเสบที่ รพ.เจ้าพระยายมราช ตำรวจได้ขออนุมัติศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ออกหมายจับเครือญาติและจับกุมได้แล้ว 5 คน ได้แก่ นายพเยาว์ เรืองฤทธิ์ อายุ 52 ปี นายสุรัตน์ ภูฆัง อายุ 35 ปี นายทรงวุฒิ หรือโด้ หันกลาง อายุ 20 ปี นายอนันต์ นรินทร์นอก อายุ 52 ปี นายเชิน ปลายนายน อายุ 35 ปี อีก 2 คนเป็นเด็กชายอายุ 10 ปี และ 12 ปี อยู่ระหว่างนัดมาให้ปากคำ เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ให้การปฏิเสธขอไปให้การในชั้นศาล ก่อนส่ง 5 ผู้ต้องหาไปฝากขังต่อศาล ศาลตีหลักทรัพย์ประกันตัวคนละ 3.5 แสนบาท มีเพียงรายเดียวได้รับการประกันตัว อีก 4 คนหาหลักทรัพย์ไม่ทันถูกส่งเข้าเรือนจำ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าการดำเนินคดีญาติโฉดรุมข่มขืนเด็กเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 16 มิ.ย.2563 ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี (ภ.จว.สุพรรณบุรี) พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี (ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี) แถลงว่า เรื่องผู้ต้องหาได้รับการประกันตัวนั้น ตำรวจได้คัดค้านการประกันตัวไปแล้ว แต่ญาติได้ไปยื่นขอประกันตัวในชั้นศาล และอยู่ในดุลยพินิจของศาล ซึ่งมีหลักเกณฑ์ของศาลในการให้ประกันตัว เพราะศาลเป็นคนออกหมายจับ และศาลก็เป็นคนใช้ดุลยพินิจในการให้ประกันตัวอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงแม้จะได้รับการประกันตัวไป แต่ขอยืนยันว่าไม่สามารถไปข่มขู่หรือทำร้ายผู้เสียได้ในทุกกรณี เพราะตนสั่งการจัดตำรวจเข้าไปดูแลคุ้มครองพี่สาวของเด็กผู้เสียหายแล้ว รวมถึงติดตามดูความเคลื่อนไหวของผู้ต้องหาตลอดเวลาด้วย ขอให้มั่นใจว่าตำรวจจะดำเนินการให้ดีที่สุดเพราะเป็นเรื่องที่สังคมจับตามองอยู่
...
สำหรับหลักฐานในการดำเนินคดี ตำรวจมีหลักฐานที่ไม่มีผิดพลาดอยู่แล้ว โดยเฉพาะผลพิสูจน์ทางการแพทย์ นอกจากนี้ยังมีหลักฐานอื่นที่จะมัดตัวผู้ต้องหาด้วย แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้เนื่องจากจะมีผลต่อรูปคดี ขณะนี้ได้จัดตั้งทีมสืบสวน สอบสวนเป็นการเฉพาะไปหาหลักฐานเพิ่มเติมอีก เพื่อให้มีความรัดกุมยิ่งขึ้น ส่วนที่ผู้ต้องหาอ้างว่าน้องผู้หญิงสติไม่ดี ตนคิดว่าไม่ใช่ เพราะจากคำให้การ น้องให้การถึงส่วนที่เกี่ยวข้องรู้ว่าใครเป็นอะไร ทำอะไรกับเขาได้เป็นอย่างดี จึงมั่นใจว่าว่าน้องสติดีแน่นอน เบื้องต้นตอนนี้ ตนเป็นห่วงคดีที่เกิดขึ้นครั้งนี้ เพราะเป็นการกระทำกับเด็กและผู้กระทำก็มีเด็กเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย และยังอยู่ในสภาพสังคมที่แออัด ต่อไปคงต้องคอยดูแลบุตรหลานที่อยู่ในชุมชนแบบนี้ซึ่งเป็นอันตรายมาก รวมทั้งไม่ต้องห่วงเรื่องจะมีอิทธิพลเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะเป็นเรื่องการแสวงหาผลประโยชน์กับเด็กเราดำเนินคดีอย่างเต็มที่อยู่แล้ว.