เปิดใจลุงคนขับแท็กซี่วัย 75 เหยื่อหนุ่มขับวินหัวร้อนใช้หมวกกันน็อกฟาดซะน่วม งงไปทำอะไรให้จะเอาถึงตาย ผกก.สน.เพชรเกษม เผยคู่กรณียอมรับสารภาพในความผิดข้อหาทำร้ายร่างกาย แต่ปฏิเสธข้อหาขับรถประมาท

จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก “สีแว๊กผม ปลีก ส่ง” ได้โพสต์ภาพคลิปเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทระหว่าง หนุ่มขับรถ จยย.หัวร้อนใช้หมวกกันน็อกทำร้ายร่างกายชายชราขับรถแท็กซี่ จนได้รับบาดเจ็บเลือดอาบศีรษะ หลังเกิดอุบัติเหตุขับรถเฉี่ยวชนกันบริเวณบางพฤกษ์ ถนนกัลปพฤกษ์ตัดบางบอน 1 แขวงและเขตบางแค กทม. เมื่อเวลาประมาณ 14.30 น. วันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.เพชรเกษม ให้ดำเนินคดีกันและกัน โดยฝ่ายชายชราโชเฟอร์รถแท็กซี่นั้นแจ้งความเอาผิดกับหนุ่มหัวร้อน ฐานทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ส่วนฝ่ายหนุ่มที่ขับรถ จยย.แจ้งความกลับ ฐานขับรถประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นได้รับความเสียหาย โดยอ้างว่า ถูกรถแท็กซี่ชนท้ายจนรถตัวเองเสียหลักล้มไปชนกับรถกระบะอีก 1 คัน โดยคลิปดังกล่าวถูกแชร์เป็นที่ฮือฮาในโลกโซเชียลตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 28 พ.ค.63 พ.ต.ต.ณัฐพงษ์ จันทร์อุทัย สว.(สอบสวน) สน.เพชรเกษม ได้เรียกตัว นายเม้ง แซ่เฮง อายุ 75 ปี โชเฟอร์แท็กซี่โตโยต้า อัลติส สีชมพู ทะเบียน ทษ 1058 กรุงเทพมหานคร ของสหกรณ์แท็กซี่ไทยจำกัด และนายพชร เอี่ยมโมฬี อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9 ซอยกำนันแม้น 13 แยก 13 แขวงคลองบางพราน เขตบางบอน กทม. คู่กรณีซึ่งขับรถ จยย.รับจ้างวินซอยกำนันแม้น ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีขาวแดง ทะเบียนป้ายเหลือง เลขที่ 1 กฆ 3860 กรุงเทพมหานคร เข้าพบเพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม โดยทันทีที่ นายพชร หนุ่มวิน จยย.ให้การกับตำรวจเป็นที่เรียบร้อยก็ได้รีบวิ่งออกจากโรงพักหลบหนีผู้สื่อข่าวกลับไปโดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด

...

ด้าน นายเม้ง โชเฟอร์แท็กซี่ซึ่งติดผ้าพันแผลที่หน้าผาก ศีรษะและแขนทั้ง 2 ข้าง กล่าวกับผู้สื่อข่าวหลังให้ปากคำกับตำรวจว่า วานนี้ก่อนเกิดเหตุ ตนเดินทางจากหมอชิต มุ่งหน้าเเยกกำนันแม้นเพื่อจะนำรถไปอู่ โดยใช้ถนนกัลปพฤกษ์ วิ่งเลนขวาตลอดทาง จู่ๆ รถ จยย.คู่กรณี ซึ่งมีผู้หญิงนั่งซ้อนท้ายมาด้วย ก็ขี่มาเบียด เเละแสดงความไม่พอใจ มีการใช้เท้าถีบรถแท็กซี่ของตนพร้อมกับตะโกนด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย กระทั่งคู่กรณีได้จอดรถให้ผู้หญิงที่ซ้อนท้ายลงระหว่างทาง และบิดคันเร่งตามมาดักหน้ารถตนอย่างกระชั้นชิด ตนหยุดรถไม่ทันจึงเกิดการเฉี่ยวชนและทำให้รถคู่กรณีไถลไปชนท้ายรถกระบะที่อยู่ข้างๆ

นายเม้ง กล่าวอีกว่า พอคู่กรณีลุกขึ้นมาได้ ก็เดินมาที่รถของตนเอง ตนก็ลดกระจกลงเพื่อจะเจรจาแต่จังหวะนั้นคู่กรณีได้ใช้หมวกกันน็อกฟาดเข้ามาที่ศีรษะอย่างแรงจนเเตก แถมยังชกเข้าบริเวณศีรษะและใบหน้าอีกหลายครั้ง ตนจึงเอื้อมมือไปหยิบไขควงที่หน้ารถ เพื่อจะนำมาใช้ป้องกันตัว แล้วลงจากรถเพื่อต้องการเคลียร์กับคู่กรณี แต่ก็ถูกคู่กรณีทำร้ายร่างกายไม่ยั้งตามที่ปรากฏในคลิป ส่วนไขควงที่อยู่ในมือตนยังไม่ได้ใช้ และไม่รู้ว่าหลุดจากมือไปตอนไหน โดยหลังเกิดเหตุตนเข้าแจ้งความและไปรักษาตัวที่ รพ.ตากสิน แพทย์เย็บที่ศีรษะ 2 เข็ม หน้าผาก 3 เข็ม ข้อศอกขวา 4 เข็ม แขนทั้ง 2 ข้างถลอกบวมช้ำ หน้าตาบวมปูด และตอนนี้มีอาการปวดชายโครงข้างขวา ซึ่งตนคิดว่าคู่กรณีทำรุนแรงเกินไป

“ส่วนในเรื่องการให้อภัย ก็อยู่ที่คู่กรณีว่าจะทำอย่างไร ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย แต่ตอนนี้ที่สำคัญตนเองต้องขาดรายได้ ในการส่งค่าเช่าบ้านที่อยู่กับครอบครัว เดือนละ 2,000 บาท ค่าเช่ารถวันละ 400 บาท เนื่องจากไม่สามารถขับรถได้ทำให้ต้องรักษาตัวอยู่บ้านเฉยๆ ขณะที่แพทย์ยังไม่ระบุว่าตนต้องรักษาตัวกี่วัน จากนี้จึงวางเเผนไว้ว่าจะนำเงินเยียวยา 5,000 บาท ที่ได้จากรัฐบาลและเบี้ยผู้สูงอายุที่ได้เดือนละ 700 บาท นำมาใช้ประทังชีวิตก่อน” นายเม้ง กล่าว

ด้าน พ.ต.อ.ศุภวัช ปานแดง ผกก.สน.เพชรเกษม กล่าวว่า ผลการสอบปากคำคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย เบื้องต้น นายพชร หนุ่มวิน จยย.ยอมรับสารภาพในความผิดข้อหาทำร้ายร่างกาย แต่ปฏิเสธข้อหาขับรถประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นได้รับความเสียหาย จากกรณีที่รถ จยย.ของตัวเองไถลไปชนรถกระบะด้านหน้า หลังจากที่ถูกรถแท็กซี่ของ นายเม้ง ชนท้าย

...

ส่วน นายเม้ง ก็ยังให้การภาคเสธโดยระบุว่า คู่กรณีตั้งใจมาขับปาดหน้าในระยะกระชั้นชิดทำให้หยุดรถตัวเองไม่ทันพุ่งชนท้ายอย่างจัง อย่างไรก็ตามยังต้องรอผลการตรวจสอบกล้องวงจรปิดในละแวกที่เกิดเหตุ ผลตรวจสภาพรถคู่กรณีทั้ง 2 คัน จากกองพิสูจน์หลักฐาน และผลตรวจจากแพทย์เพื่อระบุว่า นายเม้ง ต้องพักรักษาตัวจำนวนกี่วัน หากเกิน 20 วันก็จะต้องแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุทำให้ได้รับอันตรายสาหัสเพิ่มเติม ก่อนนัดคู่กรณีทุกฝ่ายมาให้ปากคำเพิ่มเติมต่อไป.