อัยการฟ้องเเล้ว "บรรยิน" กับพวกรวม 6 คน "อุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา" ทั้งหมด 9 ข้อหา เฉพาะผู้ต้องหาที่ 1 เพิ่มข้อหาแต่งกายเลียนแบบเจ้าพนักงานฯ ขอให้นับโทษรวมกับคดีปลอมแปลงเอกสารโอนหุ้น และคดีฆ่าเสี่ยชูวงษ์

วันที่ 18 พ.ค. นายประยุทธ เพชรคุณ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 3 และรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดเปิดเผยว่าตามที่นายเจษฎา อรุณชัยภิรมย์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตได้รับสำนวนการสอบสวนจากพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามเมื่อวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา เป็นคดีที่ น.ส.พนิดา สกุนตะประเสริฐ ผู้พิพากษาอาวุโสศาลอาญากรุงเทพใต้ เป็นผู้กล่าวหา ผู้ต้องหามีทั้งหมด 7 คน ประกอบด้วย พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ นายมานัส ทับทิม นายณรงค์ศักดิ์ ป้อมจันทร์ นายชาติชาย เมณฑ์กูล นายประชาวิทย์ ศรีทองสุข ด.ต.ธงชัย หรือ ส.จ.อ๊อด วจีสัจจะ และชายไทยไม่ทราบชื่อเป็นผู้ต้องหาที่ 1-7 ในคดีที่นายวีรชัย สกุนตะประเสริฐ พี่ชายของ น.ส.พนิดา ผู้พิพากษา ถูกอุ้มฆ่า

โดยมูลเหตุสืบเนื่องจากการทำหน้าที่ผู้พิพากษาของ น.ส.พนิดา ซึ่งมี พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ เป็นจำเลยในคดีอาญาคดีหนึ่ง เมื่ออัยการรับสำนวนแล้วนายเจษฎา อรุณชัยภิรมย์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต มอบหมายให้สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 3 มีนายพรพิชัย ไชยมาตร อัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 3 เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินคดี มีคำสั่งตั้งคณะทำงานประกอบด้วยนายบุญยัง จุมพล อัยการผู้เชี่ยวชาญ นายไพบูลย์ วนพงศ์ทิพากร อัยการประจำสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นคณะทำงาน มี พ.ต.อ.ธงชัย กีรติธรรมากร อัยการประจำกองเป็นคณะทำงาน และเลขานุการ และนายพรพิชัย ไชยมาตรอัยการพิเศษฝ่ายฯ เป็นหัวหน้าคณะทำงาน หลังพิจารณาคณะทำงานเสนอความเห็นไปยัง นางสิริญา อินทามระ รองอธิบดีอัยการคดีปราบปรามการทุจริตและนายเจษฎา อรุณชัยภิรมย์ อธิบดีอัยการคดีปราบปรามการทุจริต เห็นพ้องตามที่คณะทำงานเสนอ

...

"โดยสั่งฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ นายมานัส นายณรงค์ศักดิ์ นายชาติชาย นายประชาวิทย์ และ ด.ต.ธงชัย ผู้ต้องหาที่ 1 ถึง 6 ในข้อหา 1. ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ 2. ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้ใดเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่เป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไปถึงแก่ความตาย 3. ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย 4. ร่วมกันข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติการอันมิชอบด้วยหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่สามคนขึ้นไป 5. เป็นซ่องโจรโดยสมคบกันเพื่อกระทำผิดที่มีระวางโทษประหารชีวิต 6. ร่วมกันพยายามข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดโดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป 7. ร่วมกันซ่อนเร้นทำลายศพเพื่อปิดบังการตายและสาเหตุการตาย 8. ร่วมกันกระทำการใดๆ แก่ศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้นเพื่ออำพรางคดี 9. ร่วมกันแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงาน

เฉพาะ พ.ต.ท.บรรยิน ผู้ต้องหาที่ 1 ถูกฟ้องเพิ่มเติมในข้อหาสวมเครื่องแบบหรือประดับเครื่องหมายของเจ้าพนักงานเพื่อให้คนอื่นเข้าใจว่าตนมีสิทธิและแต่งเครื่องแบบตำรวจโดยไม่มีสิทธิเพื่อกระทำผิดอาญาอีกด้วย

นอกจากนี้ พนักงานอัยการยังขอให้นับโทษ พ.ต.ท.บรรยิน ผู้ต้องหาที่ 1 ต่อจากโทษจำคุกของศาลอาญากรุงเทพใต้ในคดีหมายเลขคดีแดงที่ 636/2563 ที่ศาลลงโทษจำคุก พ.ต.ท.บรรยินในคดีปลอมเอกสารโอนหุ้นเสี่ยชูวงษ์และนับโทษต่อจากโทษในคดีหมายเลขคดีดำที่ 4915/2559 ของศาลอาญาพระโขนงซึ่งพนักงานอัยการฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน ข้อหาฆ่าเสี่ยชูวงษ์ ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลอีกด้วย

สำหรับชายไทยไม่ทราบชื่อผู้ต้องหาที่ 7 พนักงานสอบสวนเสนอ เห็นควรสั่งไม่ฟ้องเพราะไม่มีพยานใดๆ ว่าผู้ต้องหาที่ 7 ไปร่วมกระทำผิดกับผู้ต้องหาที่ 1-6 เมื่อพนักงานอัยการซึ่งเป็นคณะทำงานรองอธิบดีอัยการและอธิบดีอัยการพิจารณาแล้วเห็นด้วยกับความเห็นของพนักงานสอบสวนโดยสั่งไม่ฟ้องชายไทยไม่ทราบชื่อผู้ต้องหาที่ 7 ตามเสนอและ ผบ.ตร. เห็นชอบตามคำสั่งพนักงานอัยการดังกล่าว

นายประยุทธ กล่าวว่า พนักงานอัยการยื่นฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน กับพวกทั้ง 6 คนต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง คดีนี้พนักงานอัยการไม่ต้องส่งตัวผู้ต้องหาทั้ง 6 เพราะผู้ต้องหา ถูกควบคุมอยู่ในอำนาจศาลแล้ว ขั้นตอนต่อไปตามกฎหมายศาล จะเบิกตัวจำเลยมาสอบคำให้การว่าจะให้การรับสารภาพหรือปฏิเสธ ซึ่งคดีนี้ไม่ว่าจำเลยจะให้การอย่างไร พนักงานอัยการต้องสืบพยานเพราะเป็นคดีมีโทษประหารชีวิต และคดีนี้แม้เป็นคดีฆาตกรรม แต่ทางคดีมีข้อหาข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติการอันมิชอบต่อหน้าที่รวมอยู่ด้วยคดีจึงอยู่ในอำนาจของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. 2559 มาตรา 3 พนักงานอัยการจึงมีอำนาจฟ้องรวมทุกข้อหาในคดีนี้ ต่อศาลดังกล่าว

ด้าน นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวถึงขั้นตอนการพิจารณาคดีของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ภายหลังจากวันนี้อัยการ ได้ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ กับพวกรวม 6 คน ในคดีอุ้มพี่ชายผู้พิพากษาอาวุโส แล้วศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้กำหนดนัดสอบคำให้การจำเลยทั้งหก ในวันที่ 19 พ.ค. เวลา 09.30 น. ซึ่งศาลจะดำเนินการสอบคำให้การผ่านการประชุมจอภาพทางไกลผ่านจอภาพ หรือระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ (VDO/Web Conference) ไปยังเรือนจำที่จำเลยทั้ง 6 คนถูกควบคุมตัวอยู่ กระบวนการดังกล่าวเป็นไปตามคำแนะนำประธานศาลฎีกาเกี่ยวกับแนวปฏิบัติในสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 เรื่องการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ มาสนับสนุนการทำงานของศาล และสร้างความสะดวกร่วมกับมาตรการป้องกันและควบคุมโรค ช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ COVID-19