ศาลอาญาคดีทุจริตฯ พิพากษายกฟ้อง ชั้นตรวจคำฟ้องคดี พ.ต.อ.ไพรัตน์ ไพพรรณรัตน์ รอง ผบก.อก.ภ.9 ยื่นฟ้อง "บิ๊กแป๊ะ" โยกย้ายไม่เป็นธรรม ศาลฯ ชี้ ผบ.ตร.โยกย้ายข้ามหน่วย ตามดุลพินิจ

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 19 มี.ค.63 ที่ห้องพิจารณาคดี 702 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ศาลนัดฟังคำสั่งในชั้นตรวจคำฟ้องในคดีหมายเลขดำ อท. 3/2563 ที่ พ.ต.อ.ไพรัตน์ ไพพรรณรัตน์ รอง ผบก.อก.ภ.9 เป็นโจทก์ ฟ้อง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร) เป็นจำเลย ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณีมีคำสั่งแต่งตั้งโยกย้าย พ.ต.อ.ไพรัตน์ โจทก์ จากตำแหน่งรอง ผบก.ภ.จ.เพชรบุรี ไปเป็น รอง ผบก.อก.ภ.9 โดยไม่เป็นธรรม

ศาลพิเคราะห์คำฟ้อง หนังสือคำสั่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่า การโยกย้ายโจทก์ใช้ดุลพินิจตามอำเภอใจ คิดว่ามีคำสั่ง คสช. 20/2561 สนับสนุนให้กระทำการใดๆ กับใครก็ได้ โดยโจทก์ถูกย้ายเหตุฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.ที่ 22/2558 เรื่องมาตรการป้องกันการแข่งขันรถจักรยานยนต์ ทั้งที่โจทก์ไม่เคยมีการฝ่าฝืนแต่อย่างใด ทั้งนี้จำเลยทราบดีว่าโจทก์กำลังศึกษาในหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร หรือ วปอ. จึงกลั่นแกล้งโยกย้ายตำแหน่งเพื่อให้เกิดความเสียหายต่อการศึกษาของโจทก์ โดยย้ายโจทก์ไปดำรงตำแหน่ง รอง ผบก.อก.ภ. 9 ซึ่งไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อราชการแต่อย่างใด เป็นการใช้ดุลพินิจตามอำเภอใจ

ข้อเท็จจริงทราบว่า กรณีเป็นที่สงสัยว่าโจทก์ถูกดำเนินการทางวินัยในเรื่องการจัดแสดงดนตรี "คัมภีร์แผ่นดิน" เมื่อวันที่ 24 ธ.ค.2562 โดยให้ทีมงานจำหน่ายบัตรแก่ประชาชนและผู้ประกอบการในจังหวัดภูเก็ต เป็นเหตุให้ต้องโยกย้ายโจทก์ โดยเรื่องยังอยู่ระหว่างการสอบสวน เหตุที่ย้ายโจทก์จาก บช.ภ. 7 ไป บช.ภ. 9 นั้น เนื่องจากโจทก์เป็นผู้มีความรู้ความสามารถในการอำนวยการการฝึกอบรม ดูแลกำลังพล จึงไปได้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว

...

ที่โจทก์อ้างว่ากำลังศึกษาในหลักสูตร วปอ.นั้นเป็นเรื่องที่โจทก์สมัครใจไปเรียน เพื่อหาความรู้เอง และไม่ว่าโจทก์จะไปดำรงตำแหน่งที่ไหนย่อมมีผลกระทบต่อการเรียนและการทำงานทั้งนั้น เหตุที่โจทก์ถูกแต่งตั้งโยกย้ายข้ามหน่วยเป็นไปตามคำสั่งของ ผบช.ภ. 7 ที่ 126/2562 เรื่องจัดคอนเสิร์ต กรณียังอยู่ในระหว่างการดำเนินการสอบสวนหาใช่การฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.ที่ 22/2558 แต่อย่างใด

การที่ ผบ.ตร. มีหนังสือตอบข้อหารือ ผบช.ภ. 7 เป็นการดำเนินการตามกฎหมาย ที่โจทก์อ้างว่าจำเลยโกรธเคืองเกลียดชังโจทก์ เนื่องจากโจทก์มีความขัดแย้งกับนายตำรวจระดับ รองผบ.ตร. เห็นว่าโจทก์บรรยายฟ้องอย่างเลื่อนลอยปราศจากเหตุผล การกระทำของจำเลยใช้อำนาจตามที่กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ใช้ดุลพินิจตามกำหนด เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าโจทก์ได้ทำการร้องทุกข์ต่อ ก.ตร.ขอให้กลับไปทำหน้าที่ใน บช.ภ.7 คดียังอยู่ระหว่างดำเนินการของ ก.ตร.เกี่ยวกับข้อร้องทุกข์ดังกล่าว โดยยังไม่มีคำสั่ง จึงฟังไม่ได้ว่าโจทก์ถูกโต้แย่งสิทธิ์ หากการร้องทุกข์ไม่เป็นคุณแก่โจทก์ โจทก์ยังสามารถใช้สิทธิ์ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองได้ ในชั้นนี้โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้อง.