ผู้การอุดรฯ นำกำลังตำรวจคุมตัวหนุ่มวัย 45 ปี ทำแผนในคดีใช้ท่อนไม้ธรณีประตูทุ่มใส่เมียเสียชีวิต ยอมเปิดปากสารภาพ อ้างรู้สึกเสียใจ ไม่ได้กะเอาถึงตาย ขณะที่ประธานชุมชนเล่าเรื่องชวนขนหัวลุก 

กรณี นายสมเดช ยันพิมาย อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 288 หมู่ 17 ต.หนองบัว อ.เมือง จ.อุดรธานี แจ้งตำรวจว่า นางลำไพร โฆวัฒนะกุล อายุ 41 ปี ผู้เป็นภรรยา เมาล้มหัวน็อกพื้นเสียชีวิตหลังบ้าน หลังกลับจากดื่มเบียร์ด้วยกันจนเมาและทะเลาะมีปากเสียงกัน แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ เพราะที่ศีรษะผู้ตายมีบาดแผลถูกทุบด้วยของแข็ง นอกจากนี้ยังให้การมีพิรุธหลายอย่าง ก่อนควบคุมตัวไปสงบสติอารมณ์ที่โรงพัก หลังจากตื่นเช้าและสร่างเมา ได้เปิดปากยอมรับสารภาพว่าลงมือทำร้ายเมียจริง แต่ไม่ได้ตั้งใจให้ตาย จึงดำเนินคดี “ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย” เหตุเกิดคืนวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 2 มีนาคม 2563 พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบก.ภ.จว.อุดรธานี, พ.ต.อ.อารี สินธุรา ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี นำตำรวจควบคุมตัว นายสมเดช ยันพิมาย อายุ 45 ปี ผู้ต้องหา ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ

...

โดยจุดแรก ผู้ต้องหาดื่มเหล้าจนเมาที่บ้านเพื่อน และได้ขี่รถกลับมาบ้าน ผู้ตายบอกว่าอยากดื่มเบียร์ต่อ จึงแวะซื้อที่ร้านค้า เมื่อมาถึงบ้านจึงบ่นใส่ผู้ตายว่า “เมาแล้วยังจะดื่มต่ออีก เงินที่มีก็จะเก็บไว้ซื้อกับข้าว” ทำให้เมียไม่พอใจทะเลาะมีปากเสียงกัน ขณะที่ผู้ตายเดินเข้าบ้าน เท้าไปสะดุดธรณีประตู หน้าคะมำล้มลงและไม่ยอมลุกขึ้น ด้วยความโมโหผู้ต้องหาจึงหยิบเอาท่อนไม้ธรณีประตู ซึ่งดึงออกมาได้ ทุ่มใส่ผู้ตายถูกศีรษะแตก จากนั้นก็ยกกระติกน้ำสาดใส่ผู้ตายให้มีสติ

“จากนั้นตนก็ไม่สนใจเดินไปนอนดูทีวี ไม่นานผู้ตายก็ลุกขึ้นนั่งบอกว่าหิวข้าว อยากกินมะม่วง ผู้ตายเมายืนไม่ได้ จึงต้องกระดึ๊บๆ ไปที่ห้องครัว พร้อมกับเสียงบ่นด่าตนที่ไม่มาหาข้าวให้กิน พร้อมกับขว้างปากระปุกปลาร้าเข้ามาในบ้าน เสียงบ่นหายไปสักระยะ ตนเดินออกไปดูก็พบผู้ตายนอนตะแคงร้องโอดโอยอยู่ที่พื้น ตนเรียกผู้ตายให้ลุกเข้าไปนอน แต่ผู้ตายไม่ลุกซึ่งเคยเป็นเช่นนี้ประจำ ตนจึงใช้น้ำปลาร้าราดผู้ตาย เผื่อผู้ตายเหม็นจะลุกขึ้น เสร็จแล้วตนก็เดินเข้าไปนอนดูทีวีต่อ”

นายสมเดช ให้การต่อว่า ตนนอนดูทีวีสักครู่ ก็รู้สึกแปลกใจที่ไม่ได้ยินเสียงพูดเสียงบ่น และผู้ตายไม่ยอมเข้ามานอน จึงเดินไปดูอีกรอบ ก็ยังพบผู้ตายนอนหงาย และมีเลือดออกมาก จึงเข้าไปจับลุกนั่ง เพื่อลากให้ผู้ตายเข้ามา ด้วยความที่ตนก็เมา ประกอบกับผู้ตายตัวหนัก ทำให้เสื้อชั้นในและสร้อยคอผู้ตายขาด แถมผู้ตายยังนอนแน่นิ่ง ตัวเย็น ไม่มีชีพจร จึงรู้ว่าเมียตาย ด้วยความตกใจ ตนได้นำน้ำมาล้างรอยเลือดในห้อง ก่อนไปบอกแม่และแจ้งประธานชุมชน

“อยู่กินกันมา 3 ปี ผู้ตายชอบดื่มสุรา เมาแล้วไม่มีสติ ทำให้มีปากเสียงทะเลาะกันตลอด บางครั้งถึงกับลงไม้ลงมือกัน แต่ไม่เคยรุนแรง เพราะผู้ตายพูดจาไม่รู้เรื่อง ถ้าไม่ได้ดั่งใจก็จะทำร้ายตัวเองด้วยการกระโดดลงจากรถจนได้รับบาดเจ็บ 4 ครั้ง และครั้งนี้ตนได้ทุ่มไม้ใส่ผู้ตายให้มีสติ ไม่ได้ตั้งใจฆ่าให้ตาย ซึ่งรู้สึกเสียใจ”

หลังจากการทำแผนประกอบคำรับสารภาพแล้วเสร็จ นางม้วน ยันพิมาย อายุ 75 ปี แม่ของผู้ต้องหาพร้อมลูกสาวและญาติ ได้เข้ามาสวมกอด พร้อมพูดให้กำลังใจว่า “ผิดก็ต้องยอมรับผิด แม้ไม่ได้ตั้งใจ ไม่นานก็จะพ้นโทษออกมา ให้เริ่มต้นใหม่” จากนั้นผู้ต้องหาได้ก้มกราบเท้าแม่ พร้อมกับร้องไห้ ก่อนตำรวจจะควบคุมตัวไปดำเนินคดี

...

ด้าน นายเจษฎา พิมพ์โคตร อายุ 54 ปี ประธานชุมชนศรีสุราษฎร์ เปิดเผยว่า ผู้ตายเป็นคนชอบดื่มสุรา แต่จะเป็นคนรักหมาและแมว หลังกินข้าวเย็นเสร็จ จะเห็นผู้ตายนำเศษอาหารมากองไว้หน้าบ้านให้หมาแมวจรจัดมากิน หลังจากเกิดเหตุ เมื่อคืนนี้มีแมวดำ 3 ตัว มาที่บ้านเกิดเหตุ ตัวแรกยืนอยู่ประตูหน้า ตัวที่สองกับตัวที่สามยืนอยู่หลังบ้านตรงจุดที่นางลำไพรนอนเสียชีวิต เชื่อว่าผู้ตายยังไม่รู้ว่าตัวเองเสียชีวิต จึงมาให้อาหารแมวตามปกติ คนโบราณเชื่อว่า แมวดำเป็นสื่อเร้นลับเรื่องวิญญาณ อาจเรียกวิญญาณผู้ตายหวนคืนมา ซึ่งผู้ตายยังไม่รู้ว่าตัวเองเสียชีวิตแล้ว.