กรณีเหตุหนุ่มอุดรฯ แจ้งความว่าเมียลื่นล้มหัวน็อกพื้นเสียชีวิต แต่ตำรวจดูสภาพบาดแผลผู้เสียชีวิตแล้วไม่เชื่อ นำไปสอบปากคำเค้นจนยอมรับสารภาพ ว่าลงมือใช้ไม้ทุบหัวเมียจริง แต่ไม่ตั้งใจให้ตาย
กรณีนายสมเดช ยันพิมาย อายุ 45 ปี ชาวบ้าน ต.หนองนาคำ อ.เมือง จ.อุดรธานี แจ้งตำรวจว่านางลำไพร โฆวัฒนะกุล อายุ 41 ปี เมียเมาล้มหัวน็อกพื้นตายหลังบ้าน แต่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ เพราะพบบาดแผลถูกของแข็งมีคมทุบศีรษะและหน้าฝากแตก ตามร่างกายมีรอยฟกช้ำ มีคาบเลือดในบ้านและรอยล้างคาบเลือด แพทย์ระบุเสียชีวิตเพราะเสียเลือดมาก โดยชาวบ้านระบุว่าผัวเมียดื่มเหล้าแล้วทะเลาะวิวาทกันประจำ เมื่อสัปดาห์ก่อนผัวทำร้ายเมียบาดเจ็บต้องนอนโรงพยาบาล พอออกจากโรงพยาบาลก็ดื่มเหล้าเมาทะเลาะกันอีกจนเมียตาย แต่ผัวยังปากแข็งให้การปฏิเสธ ยันเมียล้มตาย ตำรวจไม่เชื่อนำตัวไปสอบสวนที่โรงพัก เหตุเกิดคืนวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว เมื่อเช้าวันที่ 1 มีนาคม 63 พ.ต.ต.ธนนท์ ศรีกงพาน สว.สส.สภ.เมืองอุดรธานี เปิดเผยว่า หลังจากผู้ต้องหานอนหลับพักผ่อน ตื่นเช้าขึ้นมาและสร่างเมา จึงนำนายสมเดช มาสอบสวนปากคำใหม่ ซึ่งนายสมเดช ให้การรับสรภาพว่า หลังดื่มเบียร์จนเมา และขี่รถพาผู้ตายกลับบ้าน ได้ทะเลาะมีปากเสียงกันตนได้ทำร้ายภรรยาที่หน้าบ้าน มีชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์มาห้าม แต่ก็ได้ไล่ชาวบ้านอย่ามายุ่ง จากนั้นได้เข้าบ้าน และได้ทะเลาะกันต่อในบ้าน ตนได้ใช้ไม้ทุบศีรษะผู้ตาย 2 ครั้งจนศีรษะแตก ผู้ตายนอนเลือดไหลอยู่ห้องโถง ตนไม่ได้สนใจก็นอนอยู่บนเตียง

...
สว.สส.สภ.เมืองอุดรธานี กล่าวอีกว่า ผู้ต้องหาให้การว่า หลังจากนั้น ผู้ตายก็ลุกขึ้นบอกว่าจะเข้าห้องน้ำ ตนไม่เห็นผู้ตายกลับมา จึงเดินไปดู ก็พบผู้ตายนอนหงายอยู่หลังบ้าน เมื่อไปจับตัวดูก็พบเสียชีวิตแล้ว จึงไปแจ้งประธานชุมชนและตำรวจ ตนเองและเมียดื่มเบียร์จนเมาจึงมีปากเสียง และทะเลาะวิวาททำร้ายร่างกายกัน ตนไม่ได้มีเจตนาจะฆ่าเมียให้ตาย แต่ยอมรับว่าได้ใช้ไม้ตีศีรษะเมียจนหัวแตกจริง และไม่ได้สนใจพาไปหมอ ปล่อยให้นอนเลือดไหล ไม่คิดว่าเมียจะตาย รู้สึกสงสารเมีย เสียใจและสำนึกผิด
ตำรวจจึงแจ้งข้อหา “ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย” ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อไป.