ศาลแถลงคดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ เผยเหตุการณ์ทั้งหมด ตั้งแต่ 4 ก.พ.63 ระบุที่ต้องปิดเป็นความลับ เนื่องจากห่วงความปลอดภัย แต่สุดท้ายตัวประกันเสียชีวิต
วันที่ 24 ก.พ. 63 เวลา 10.00 น. ที่อาคารศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพมหานคร นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม แถลงข่าวเรื่องอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้
โดย นายสราวุธ เผยว่า ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกท่าน ที่ทุ่มเทตลอดการทำงาน 20 วันที่ผ่านมา ในการสืบสวน ติดตาม และดูแลความปลอดภัยของ น.ส.พนิดา ศกุนตะประเสริฐ ผู้พิพากษาอาวุโสใน ศาลอาญากรุงเทพใต้ หลังได้รับการข่มขู่คุกคาม และต้องขอบคุณ น.ส.พนิดา ซึ่งเป็นผู้พิพากษาที่มีความรับผิดชอบ กล้าหาญ และเสียสละต่อการทำหน้าที่ และขอแสดงความเสียใจต่อการสูญเสียครั้งนี้ เนื่องจากได้รับแจ้งจากทางเจ้าหน้าที่ว่า นายวีรชัย ศกุนตะประเสริฐ พี่ชาย ได้เสียชีวิตระหว่างถูกจับไปเป็นตัวประกันในครั้งนี้
ในช่วง 20 วันที่ผ่านมา ทางสำนักงานศาล ไม่ได้เผยแพร่ข้อมูลตรงนี้ เนื่องจากเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยในชีวิต และความปลอดภัยของตัวประกัน จึงได้ประสานไปยัง ผบ.ตร. และผู้บัญชาการสอบสวนกลาง ก่อนที่ผู้เกี่ยวข้องจะรายงานเรื่องนี้ต่อประธานศาลฎีกาโดยตลอด
เหตุการณ์ครั้งนี้ เป็นเรื่องที่กระทบต่อความเป็นอิสระของผู้พิพากษา โดยหลักปฏิญญาสากล สิทธิมนุษยชน ค.ศ.2948 ข้อ 10 ระบุเกี่ยวกับการเป็นอิสระ ความเป็นกลางของผู้พิพากษา ซึ่งมีความสำคัญต่อการพิจารณาคดี ซึ่งมีความสำคัญ เพราะประชาชนจะได้รับความเป็นธรรมหรือไม่ ผู้ตัดสินคดีต้องมีความเป็นกลาง และเป็นอิสระ ซึ่งในสหประชาชาติเองก็มีหลักการนี้เช่นกัน จากหลักการทั้งหมด ทั้งกฎหมาย และจริยธรรม น.ส.พนิดา ทำหน้าที่ได้ครบถ้วน สมบูรณ์แบบ
...
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในอดีตเคยมีผู้พิพากษาถูกยิงที่ จ.ปัตตานี เสียชีวิตระหว่างไปส่งลูกที่โรงเรียน จากนั้นเกิดเหตุการณ์ที่ศาลพัทยา ศาลจันทบุรี ซึ่งกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนที่มาศาลด้วย เพราะฉะนั้น ในส่วนของสำนักงานศาล พยายามที่ผลักดันให้มีกฎหมาย ตำรวจศาล ขึ้น และเพิ่งสำเร็จ มีตำรวจศาลได้รับการบรรจุครั้งแรก เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2562 จำนวน 35 คน และคาดว่าจะขยายกำลังอัตราในอนาคต โดยตำรวจศาล จะมีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยในสถานที่ของศาล รวมถึงบุคลากรของศาลด้วย ซึ่งจะตรงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 4 ก.พ. ที่ผ่านมาด้วย
ส่วนเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 4 ก.พ.63 ขณะที่ น.ส.พนิดา กำลังจะกลับบ้าน พี่ชายได้นั่งแท็กซี่มารับ จากนั้นคนร้าย 3-4 คน ใช้รถสปอร์ตไรเดอร์ เข้ามานำตัวพี่ชายขึ้นรถไป เวลาประมาณ 17.30 น. จากนั้น น.ส.พนิดา ได้ไปพบพนักงานสอบสวนที่ สน.พลับพลาไชย 1 และระหว่างที่รอพบพนักงานสอบสวน มีโทรศัพท์จากมือถือของพี่ชายโทรเข้ามา เมื่อรับสายก็มีการข่มขู่ให้ตัดสินคดีตามความต้องการ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้บันทึกข้อมูลไว้ ขณะเดียวกันก็ได้แจ้งร้องทุกข์กับทางกองปราบ แต่เนื่องจากการเปิดเผยข้อมูลอาจจะกระทบกับชีวิตของพี่ชาย ฉะนั้น ทางเจ้าหน้าที่จึงแนะนำให้ปิดเป็นความลับ และเพื่อเจ้าหน้าที่จะได้ทำงานสะดวกขึ้น
จากนั้นตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้จัดเจ้าหน้าที่คอยรักษาความปลอดภัยให้ น.ส.พนิดา ทั้งไปและกลับ จากบ้านไปศาล ส่วนรายละเอียดทางคดี ทาง ผบ.ตร. น่าจะให้ข้อมูลได้ดีกว่า ซึ่งการดำเนินงานสืบสวน ก็เป็นหน้าที่ของตำรวจ ต้องดำเนินงานทางกฎหมาย.
ที่มาจาก เฟซบุ๊ก สื่อศาล