ตำรวจกองปราบ บุกเชิญตัวหนุ่มช่างสักลายบนเกาะสมุย หลังคึกคะนองโพสต์ข้อความเท็จ อ้างอิงเหตุการณ์จ่าทหารคลั่งกราดยิงโคราช จนทำให้ประชาชนตระหนกตกใจ สุดท้ายโดนฟันผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
เมื่อวันที่ 11 ก.พ.63 พ.ต.อ.ยุทธนา ศิริสมบัติ ผกก.สภ.บ่อผุด ร่วมกับ พ.ต.ต.พิทยา ธนาวุฒิ สว.กก.5 บก.ป.พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เดินทางไปเชิญตัว นายวันษา ยับ อายุ 23 ปี ชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่พักอาศัยอยู่ในซอยหมูบ้านอิสานพัฒนา ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อมาสอบสวนที่ สภ.บ่อผุด หลังจากที่ตำรวจกองปราบ พบว่านายวันษา โพสต์เฟซบุ๊ก ด้วยข้อความอันเป็นข้อเท็จ อ้างอิงสถานการณ์เหตุรุนแรง ทำให้สังคมปั่นป่วน
ด้าน พ.ต.ต.พิทยา เปิดเผยว่า ในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ที่ จ.นครราชสีมา ทางตำรวจกองปราบได้ติดความเคลื่อนในสื่อโซเซียลอย่างใกล้ชิด จนพบว่า มีผู้ใช้เฟซบุ๊กใช้ชื่อว่า “กูมงโกรย เจ็บขี้ ที่ ฟลอริด้า” ได้มีการโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กว่า “จ่าโกย 100 ศพ บุกสภานายก รับช่อง ต่อจะ จ่าสิบเอก.พร้อมรบ” พร้อมรูปการแต่งกายในเครื่องแบบทหาร และภาพอาวุธปืนสงคราม ทางตำรวจกองปราบปราม จึงได้ตรวจสอบจนพบว่า ผู้ใช้ชื่อเฟซบุ๊กรายนี้ พักอาศัยอยูที่ อ.เกาะสมุย จึงได้มีการประสานทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ่อผุด ร่วมเขาไปเชิญตัวผู้ใช้เฟซบุ๊กรายนี้มาสอบสวน ที่ สภ.บ่อผุด
สว.กก.5 บก.ป.กล่าวว่า จากการสอบสวนผู้ที่ใช้เฟซบุ๊กรายนี้ คือ นายวันษา ยับ อายุ 23 ปี ยอมรับว่าเป็นผู้โพสต์เฟซบุ๊กดังกล่าวจริง โดยผู้ต้องหารับสารภาพว่า ในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ที่ จ.นครราชสีมา ตัวเองเห็นข่าวดังกล่าวแล้ว รู้สึกอินอยากมีส่วนร่วม จึงได้โพสต์ข้อความดังกล่าว พร้อมรูปของตัวเองที่ถ่ายตอนสวมเสื้อทหาร และไปเซฟภาพอาวุธปืนสงคราม ที่ได้มาจากในอินเทอร์เน็ต มาโพสต์ลงในเฟซบุ๊กของตัวเอง
...

เบื้องต้น นายวันษา ผู้ต้องหาได้กล่าวขอโทษทุกคน โดยอ้างว่าที่ได้โพสต์ข้อความและรูปภาพดังกล่าวออกไป ก็เพราะความคึกคะนองในพลังโลกโซเชียล แต่หลังจากที่โพสต์ข้อดังกล่าว ออกไปได้ไม่นาน พลังดังกล่าวก็ย้อนเข้าตัว ถูกผู้คนในโซเซียลถล่มอินบ็อกซ์ ส่งข้อความมาต่อว่าตนที่โพสต์ข้อความดังกล่าว จากนั้นตนจึงได้ลบโพสต์ดังกล่าวทิ้ง แต่อนิจจานักแคปไวกว่า จึงมีคนแคปเอาข้อความโพสต์ของตนเอาไว้ก่อนแล้ว จึงทำให้ตนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญตัวมาในวันนี้
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะได้ดำเนินการกล่าวโทษดำเนินคดี ในความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ ทำให้ประชาชนเกิดความตระหนกตกใจกลัว ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ต่อไป.