ชาวบ้านในคลิปว่อนโซเชียล รุมกระทืบพระเมา เข้าให้ปากคำพนักงานสอบสวน สภ.ชุมแพ ลั่นหากโดนตำรวจแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายจริง ก็คงต้องยอมติดคุก เพราะไม่มีเงินจ่ายค่าปรับ ขณะที่พระคู่กรณีอาการยังไม่ดีขึ้น ต้องนอน รพ.

จากกรณีเมื่อช่วงเย็นวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ชุมแพ รับแจ้งเหตุพระสงฆ์เมาสุราทะเลาะวิวาทกับชาวบ้าน ที่บ้านโนนศิลา ม.4 ต.ชุมแพ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น จนถูกทำร้ายศีรษะแตก กู้ภัยฯ นำส่ง รพ.ชุมแพ ซึ่งในเบื้องต้นชาวบ้านต่างก็บอกว่า วัดสว่างแสงธรรม เป็นเพียงสำนักสงฆ์ โดยมี พระสุภชัย หรือ พระโมทย์ จำพรรษาเพียงรูปเดียว บางวันก็มีเณรอายุประมาณ 15-18 ปี มาอยู่ด้วย 3-5 รูป และบ่อยครั้งที่เอาชื่อชาวบ้านไปพิมพ์ใบฎีกา ออกเรี่ยไรเงินทำบุญตามหมู่บ้านต่างๆ ตกกลางคืนก็ให้เณรแปลงร่าง ออกจากวัดไปซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาดื่มในวัด ทำให้ชาวบ้านไม่ศรัทธา ไม่มีใครใส่บาตร และชาวบ้านพยายามเก็บพยานหลักฐาน เพื่อจะขับไล่พระออกจากหมู่บ้าน แต่ไม่เคยจับได้คาหนังคาเขา กระทั่งมาเกิดเรื่องดังกล่าว

ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 3 ก.พ.2563 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปที่วัดสว่างแสงธรรม บ้านโนนศิลา หมู่ 4 ต.ชุมแพ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น เพื่อติดตามความคืบหน้า พบว่าวัดสว่างแสงธรรม และจุดเกิดเหตุนั้น อยู่ทางด้านทิศตะวันตกของหมู่บ้าน มีพื้นที่เกือบ 1 ไร่ มีอาคารหลังใหญ่ซึ่งมีพระพุทธรูปตั้งอยู่ คาดว่าน่าจะเป็นที่ปฏิบัติธรรม ด้านข้างศาลามีกุฏิ 1 หลัง หน้ากุฏิมีขวดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ถูกนำมากองรวมกันจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีห้องน้ำ และกุฏิชั่วคราวอยู่ในป่าละเมาะ

นางทองสุข พลพงษา อายุ 62 ปี ชาวอำเภอหนองเรือ แต่มาอาศัยอยู่กับลูกสาวที่บ้านโนนศิลา เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า สถานที่ดังกล่าวไม่ใช่วัด เป็นเพียงที่พักสงฆ์ ที่เจ้าของที่ดิน ซึ่งเป็นเจ้าของรีสอร์ตสร้างขึ้นมา คล้ายว่าเป็นที่พักสงฆ์ แต่ได้นิมนต์พระสุภชัย ธนิสัพโร (ศรีทอง) อายุ 56 ปี จากจังหวัดอุดรธานี มาพักและปฏิบัติธรรม เป็นเวลา 2 ปี แล้ว แต่ชาวบ้านไม่ศรัทธา และไม่มีใครบิณฑบาต

...

“ชาวบ้านไม่เคารพเลื่อมใส จึงไม่มีใครใส่บาตร ยายซึ่งเป็นญาติกับเจ้าของที่ดินจุดที่ตั้งที่พักสงฆ์ จึงทำอาหารมาถวายเช้าและเพล แต่ก็ไม่เคยเห็นพระเมาหรือดื่มสุรา แต่เมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้ยินเสียงพระทะเลาะกับชาวบ้าน เมื่อเดินมาดูก็เห็นพระนอนจมกองเลือดอยู่ริมถนนหน้าที่พักสงฆ์ ซึ่งได้ยินชาวบ้านต่างก็พูดว่า พระเมาแล้วเปิดก้น ตบก้น ท้าท้ายชาวบ้านด้วยวาจาที่ไม่สุภาพ และถ้าเป็นอย่างที่ชาวบ้านพูดจริงก็ไม่สมควรจะเป็นพระสงฆ์อีก และไม่ต้องกลับมาอยู่ที่หมู่บ้านนี้อีก เพราะที่ผ่านมา เลื่อมใสพระสงฆ์และผ้าเหลือง ถวายอาหารโดยไม่คิดว่าพระจะเป็นแบบนี้”

ในขณะที่ นางพินิจ โก่งกระโทก อายุ 32 ปี ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ช่วงบ่ายวัยที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา พระสุภชัย ธนิสัพโร (ศรีทอง) หรืออาจารย์โมทย์ มาที่รีสอร์ต ซึ่งเป็นบ้านพักของโยมที่นิมนต์ จากนั้นก็ตะโกนด่าชาวบ้าน ด่าบรรพบุรุษ ด้วยคำหยาบคาย ชาวบ้านหลายคนตะโกนห้าม พระไม่หยุด จึงมีการตอบโต้ไปมา พระจึงวิ่งออกมาจากรีสอร์ต ตบตูดใส่ชาวบ้าน พร้อมกับท้าทายบิดาที่ชราแล้วให้มาชกกันตัวต่อตัว จากนั้นก็เดินกลับวัด แต่ก็พูดท้าทายชาวบ้านไปตลอดทาง

“พระท้าพ่อของพี่ แก่แล้วออกมาต่อยกันกลางถนน พี่เลยตามไปบอกว่า ไม่ต้องท้าพ่อ ลูกมาแทน พระจึงวิ่งเข้ามาเตะต่อยจนเกิดการต่อสู้กัน และพระพยายามหยิบเหล็กแหลมที่เหน็บอยู่ที่สายประคต แต่เหล็กหลุดตกพื้น จากนั้นพระจึงวิ่งกลับไปในกุฏิ ไปหยิบเอามีดที่ใช้ตัดหวายลูกนิมิต มาเป็นอาวุธไล่ทำร้ายพี่และชาวบ้าน ชาวบ้านจึงใช้ไม้ต่อสู้ กระทั่งพระล้มลงกับพื้น มีดกระเด็นหลุดจากมือ บาดเจ็บ ชาวบ้านจึงแจ้งตำรวจมารับพระไป”

ทางด้าน พ.ต.อ.รัตนสุข คำวงศ์ ผกก.สภ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น กล่าวกับผู้สื่อข่าวในกรณีดังกล่าวว่า หลังรับแจ้งเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สภ.ชุมแพ ลงพื้นที่ไปตรวจสอบก็พบเหตุดังกล่าวจริง และประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ นำพระสงฆ์ที่บาดเจ็บส่ง รพ.ชุมแพ ขณะนี้อาการปลอดภัยแล้ว แต่ยังต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลจนกว่าอาการจะดีขึ้น

ขณะนี้ได้ให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่สืบสวนหาตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ทั้งหมด เพื่อหาสาเหตุของการเกิดเหตุทั้งหมด ส่วนในทางคดีนั้นจะต้องมีการสอบสวนทั้งชาวบ้านและพระสงฆ์ ต้องสอบสวนหามูลเหตุและหาสาเหตุของการทะเลาะวิวาทและทำร้ายร่างกายกันในครั้งนี้ ซึ่งเมื่อชุดสืบสวนทราบตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องว่ามีใครบ้าง ก็จะให้พนักงานสอบสวนเรียกมาสอบสวน หากมีผู้กระทำความผิดก็จะแจ้งข้อหา ทำร้ายร่างกาย และดูผลตรวจแพทย์ว่าสาหัสหรือไม่ ก็จะแจ้งข้อหาเพิ่ม

ซึ่งในคลิปที่เห็นพระนอนสลบก็ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าถูกทำร้ายแล้วสลบ หรือเกิดจากโรคประจำตัว แต่ก็ขอยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย โดยในส่วนที่พระเมาสุรานั้น ได้สอบถามทางพระผู้ใหญ่แล้ว ทางวินัยสงฆ์เป็นเพียงอาบัติ ไม่ถึงขั้นต้องสึก ไม่เหมือนกับเสพเมถุน เป็นเพียงวินัยข้อหนึ่งของพระสงฆ์ แต่ก็จะมีการตรวจสอบเพื่อสรุปในสำนวนการสอบสวนด้วย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะมีการดำเนินการตามขั้นตอนที่รัดกุมทั้งหมด

ต่อมาเมื่อเวลา 16.30 น. ที่ สภ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น นางพินิจ โก่งกระโทก อายุ 32 ปี ชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์ และเป็นคนที่ต่อสู้กับพระตามคลิปที่ปรากฏ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้ปากคำ โดยมีชาวบ้านอีก 4 คนเดินทางมาเป็นพยานเพื่อให้การกับพนักงานสอบสวนด้วย

รายงานข่าวแจ้งว่า นางพินิจ ได้เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ว่า บันดาลโทสะที่พระสงฆ์ในคลิปใช้วาจาไม่สุภาพด่าทอบิดาของตัวเอง จึงได้มีปากเสียงและต่อสู้กับพระสงฆ์ในคลิป ก่อนที่พระสงฆ์จะวิ่งไปหยิบมีดออกมาจากกุฏิแล้ววิ่งมาจะทำร้ายพี่ชายตนเองที่อยู่ในเหตุการณ์ แต่ถูกพี่ชายตนเองหยิบไม้ที่อยู่บริเวณดังกล่าวสวนกลับไปเพื่อป้องกันตัว จนพระสลบกลางอากาศตามคลิป อย่างไรก็ตาม ในส่วนที่ตนเองจะถูกดำเนินคดีในข้อหาทำร้ายร่างกายนั้น ก็ต้องว่าไปตามกฎหมาย แต่ถ้าถูกดำเนินคดีจริงก็คงต้องยอมติดคุก เพราะไม่มีเงินจ่ายค่าปรับ.

...