ผช.ผบ.ตร.ชี้ "ศพในหีบ" ดูเบื้องต้น เป็นหญิงร่างเล็ก บรรจุในหีบคล้ายหีบฟิล์มภาพยนตร์ เผยบริเวณข้างบ้านไอซ์ หีบเหล็กพบแล้ว 3 ศพคือ น้องกุ๊กกิ๊ก กระดูกที่คาดว่าเป็นเด็กผู้หญิง และศพหญิงในหีบรายล่าสุด 

เวลา 15.00 น. วันที่ 23 ม.ค.63 พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วย ผบ.ตร.พร้อมด้วย พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. และพ.ต.อ.นครินทร์ สุคนธ์วิท รอง ผบก.น.9 รุดตรวจสอบที่บ่อน้ำในบ้านเลขที่ 59 ถนนเพชรเกษม ซอย 47 แขวงและเขตบางแค กทม.ซึ่งเป็นบ้านพักของ นายอภิชัย องค์วิศิษฐ์ หรือ "ไอซ์ หีบเหล็ก" อายุ 40 ปี อีกครั้ง หลังได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ชุดประดาน้ำ ว่า พบหีบเหล็กสภาพผุพังภายในมีโครงกระดูกมนุษย์อยู่ใต้พื้นน้ำ บริเวณกอป่าปรือริมตลิ่งโซน A 7

เมื่อผู้บังคับบัญชาเดินทางมาถึง เจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันนำผ้าห่อคลุมหีบดังกล่าวเอาไว้ เพื่อป้องกันหลักฐานร่วงหล่น ก่อนยกขึ้นมาตรวจสอบบนฝั่งริมตลิ่ง เบื้องต้น พบชิ้นหีบเหล็กดังกล่าวมีลักษณะคล้ายหีบบรรจุฟิล์มภาพยนตร์ ขนาดความกว้างคูณยาว และสูง ราวๆ 60 เซนติเมตร ภายในบรรจุส่วนหัวกะโหลกศีรษะมนุษย์ กระดูกซี่โครง และกระดูกแขนขา มนุษย์ กว่า 30 ชิ้น ดัมเบลน้ำหนักประมาณ 8 กิโลกรัม ล่ามด้วยโซ่คล้องแม่กุญแจ เสื้อยืดแขนสั้น กางเกงขาสั้น และเชือกฟาง ปะปนกับขี้โคลนและเศษวัชพืช ทางกองพิสูจน์หลักฐาน และแพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช จึงล้างทำความสะอาดก่อนเก็บรวบรวมรายละเอียดที่พบทั้งหมดไว้ทำการตรวจสอบตามกระบวนการวิทยาศาสตร์

...

พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า วันนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.มอบหมายให้มาดูความคืบหน้าของคดี พบว่า บก.น.9 บก.สส.บช.น. และ กก.ดส.บช.น. ได้ประสานทีมนักประดาน้ำมาร่วมกันทำการขยายผลได้ผลลัพธ์น่าพอใจมาก เราพบชิ้นส่วนคล้ายศพมนุษย์เพิ่มเติมพร้อมหีบเหล็ก จากการหารือกับแพทย์นิติเวชและกองพิสูจน์หลักฐาน เบื้องต้นมีกระดูกในส่วนของกะโหลกศีรษะ ต้นขา สะโพก ของผู้เสียชีวิตที่คาดคะเนได้ว่าเป็นเพศหญิงรูปร่างเล็ก มีอายุมากกว่าชิ้นส่วนกระดูกที่พบกระจัดกระจายในบ่อน้ำเดียวกันก่อนหน้านี้

"ขณะนี้เชื่อได้ว่า น่าจะมีผู้เสียชีวิตแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ราย สอดคล้องกับข้อมูลคนหายที่ทางตำรวจชุดคลี่คลายคดีนำมาเป็นธงในการสืบสวนสอบสวน ซึ่งการคลี่คลายคดี จะยังดำเนินการไปอย่างต่อเนื่อง"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศพที่พบดังกล่าว น่าจะเสียชีวิตมาหลายปี ซึ่งมีข้อมูลว่า มีหญิงสาววัยรุ่นรายหนึ่ง อายุ 18 ปี ซึ่งมีความเกี่ยวพันกับนายอภิชัย หายตัวไปช่วงปี 2554-2555