ผัวเมาคลั่งจอดรถ ชักปืน 9 มม.รัวยิงเมีย 14 นัด ดับคาร้านพลุตัวเอง ส่วนน้องเมียถูกคมกระสุนได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนจะเข้ามากอดเมียแล้วร้องไห้ ตำรวจเข้าตรวจสอบ ผลผู้ก่อเหตุยังเมาไม่ได้สติ ขณะที่เพื่อนบ้าน ชี้ ระยะหลังคู่รักนี้เกิดทะเลาะกันบ่อยครั้ง
เมื่อเวลา 17.50 น. วันที่ 20 ม.ค.63 พ.ต.อ.วัฒนชัย จันทร์ทาทุม ผกก.สภ.เมืองชัยภูมิ รับแจ้งเหตุมีคนยิงกันภายในร้านขายพลุ เลขที่ 90 และ 90/1 ถนนทักษิณ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ จึงรีบรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมชุดสืบสวน สภ.เมืองชัยภูมิ แพทย์โรงพยาบาลชัยภูมิ และหน่วยกู้ภัยสว่างคุณธรรมชัยภูมิ
ที่เกิดเหตุพบเป็นร้านค้าเปิดขายพลุดอกไม้ไฟ ภายในร้านดังกล่าวพบผู้ได้รับบาดเจ็บนอนจมกองเลือดอยู่ภายในร้าน และมีสามีนอนกอดผู้บาดเจ็บร้องไห้อยู่ในสภาพมึนเมา เจ้าหน้าที่จึงนำตัวสามีผู้ก่อเหตุออกจากภรรยาเพื่อปฐมพยาบาล ก่อนนำตัวภรรยาที่ได้รับบาดเจ็บนำตัวส่งโรงพยาบาลชัยภูมิเป็นการด่วน ส่วนภรรยาผู้บาดเจ็บพบร่องรอยการถูกยิงบริเวณใต้ราวนม หน้าอก และหน้าท้อง จำนวน 11 แห่ง ก่อนที่ผู้บาดเจ็บจะทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตในเวลาต่อมา ทราบต่อมาชื่อ นางนฤมล วงศ์สุข อายุ 51 ปี อาศัยบ้านเลขที่ 90/1 ถนนทักษิณ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ และยังมีผู้บาดเจ็บอีก 1 ราย ทราบชื่อ น.ส.สุกัญญา ชัยพันธุ์ เป็นน้องสาวของผู้เสียชีวิต เจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่งโรงพยาบาลไปอีก 1 ราย
ส่วนผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นสามีของผู้เสียชีวิตคือ นายชูเกียรติ วงศ์สุข อายุ 52 ปี ซึ่งอยู่ในอาการมึนเมา เจ้าหน้าที่จึงเร่งนำตัวออกจากที่เกิดเหตุ ก่อนนำตัวไปควบคุมสติอารมณ์ที่ สภ.เมืองชัยภูมิ
สอบถาม น.ส.กฤษณา จันทร์หัก เพื่อนบ้านที่อยู่ติดกัน เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ก่อเหตุและผู้เสียชีวิตซึ่งเป็นสามีและภรรยากันนั้น ช่วงหลังๆ ได้ยินเสียงทั้งคู่ทะเลาะกันบ่อยครั้ง และครั้งนี้สามีเมามาจากข้างนอกและขับรถมาด้วยความเร็ว ก่อนจะได้ยินเสียงปืนหลายนัด ตนจึงรีบวิ่งออกมาดู พบสามียิงภรรยาแล้ว จากนั้นจึงนอนกอดภรรยาข้างกายและร้องไห้ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาช่วยเหลือนำตัวส่งโรงพยาบาล และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
...
ด้าน พ.ต.อ.วัฒนชัย จันทร์ทาทุม ผกก.สภ.เมืองชัยภูมิ ได้ประสานกองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบในที่เกิดเหตุ และเก็บปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 14 ปลอก ไปตรวจสอบ พร้อมขอตรวจจากกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียง และภายในร้านถึงการก่อเหตุในครั้งนี้ ส่วนผู้ก่อเหตุเจ้าหน้าที่ต้องรอให้หายมึนเมาเพื่อจะนำตัวมาสอบสวนหาสาเหตุต่อไป.