ตร.เมืองร้อยเอ็ด คุม พ.ต.ท.ปืนโหดสอบเข้มไม่ให้ประกันตัว รอส่งฝากขังพรุ่งนี้ ด้าน พฐ.เข้าเก็บดีเอ็นเอผู้ต้องหาไปประกอบสำนวน ขณะที่พี่ชายผู้ตายเผย ไม่เชื่อว่าป้องกันตัว เพราะยิงน้องถึง 2 นัด

จากกรณีที่ พ.ต.ท.สุรเดช อัฐเสนา อายุ 45 ปี รอง ผกก.(ป) สภ.เมยวดี จ.ร้อยเอ็ด ใช้อาวุธปืนลูกซองสั้น เบอร์ 12 ยิงนายอภิชาติ พาโคกทม หรือ เสี่ยชาติ อายุ 45 ปี เจ้าของกิจการโรงสีและรับซื้อข้าวเปลือกรายใหญ่ในจังหวัดร้อยเอ็ด กระสุนลูกปรายเข้าตามลำตัวและใบหน้าจนเสียชีวิต โดยเหตุเกิดเมื่อเวลา 11.40 น. วันที่ 4 ม.ค. 2563 ที่กลางทุ่งนาบ้านเหล่าใหญ่ หมู่ 2 ต.ดงลาน อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด หลังก่อเหตุ พ.ต.ท.สุรเดช ได้ยืนมอบตัวอยู่ในที่เกิดเหตุ พร้อมกับบอกว่าสาเหตุเพราะป้องกันตัวผู้ตายจะขับรถชน และชนวนเหตุมาจากการพิพาทกันเรื่องการจับปลาในบ่อปลาที่มีแนวเขตติดต่อกัน แต่คุยกันไม่ลงตัวสักที จนเกิดเหตุสลดขึ้น


ล่าสุด เมื่อวันที่ 5 ม.ค.63 พ.ต.ท.สุริยา แสงอ่อนตา รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองร้อยเอ็ด เจ้าของคดีได้นำตัว พ.ต.ท.สุรเดช มือปืนผู้ก่อเหตุ ออกจากห้องควบคุมมาสอบสวนปากคำ หลังจากไม่ได้รับการประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน เนื่องจาก พ.ต.อ.ดร.พัทฐกร ศาสนะสุพินธ์ ผกก.สภ.เมืองร้อยเอ็ด ไม่อนุมัติให้ประกันตัวเนื่องจากเป็นคดีอุจฉกรรจ์สะเทือนขวัญอยู่ในความสนใจของประชาชน และหากให้ประกันตัวประชาชนอาจจะมองว่าให้การช่วยเหลือพวกเดียวกัน ซึ่งการสอบสวนในวันนี้มีทนายความจากสภาทนายความร้อยเอ็ดมาร่วมรับฟังการสอบสวนเพื่อสรุปสำนวนคดีให้ทันเพื่อเตรียมส่งฟ้องฝากขังศาลจังหวัดร้อยเอ็ดต่อไปในวันพรุ่งนี้ ซึ่งหาก พ.ต.ท.สุรเดช จะขอประกันตัวในชั้นศาล ก็เป็นดุลพินิจของศาลว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่

...


ในขณะเดียวกัน หลังจากการสอบสวนเสร็จสิ้น ทางกองพิสูจน์หลักฐานตำรวจภูธรจังหวัดร้อยเอ็ดได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางเข้าพบผู้ต้องหาที่ห้องควบคุมตัว เพื่อเก็บดีเอ็นเอส่งไปตรวจพิสูจน์ยังสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ภาค 4 เพื่อนำกลับมาประกอบสำนวนคดี

นายเบิร์ด (นามสมมติ) อายุ 52 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์ กล่าวว่า ตนกำลังทำงานอยู่ลานรับซื้อข้าวห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 100 เมตร ช่วงเวลาประมาณ 11.00 น. ผู้ก่อเหตุได้ขับรถเข้ามาพร้อมกับพรรคพวก โดยมีรถ 2 คัน คนสวนที่อยู่โรงสีได้แจ้งผู้ตายว่า มีกลุ่มผู้ก่อเหตุพาพรรคพวกมาจับปลาในบ่อปลาที่อยู่ติดกันกับสระน้ำของผู้ตาย หลังจากนั้นผู้ตายได้ลงมาจุดเกิดเหตุ โดยขับรถมาพร้อมกับภรรยาและแม่มาถึงจุดเกิดเหตุ จู่ๆ ตนได้ยินเสียงปืน 2 นัดดังขึ้น จึงได้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน


ส่วน นายยศภัทร พาโคกทม อายุ 47 ปี พี่ชายผู้ตาย กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ วันที่ 31 ธ.ค.62 น้องชายตนได้ลงมาพบกับผู้ก่อเหตุ ได้มีการตกลงกันว่าจะมาสูบปลาเพื่อแบ่งปลากัน และเล่าให้ตนฟังว่ามีการชักปืนมาข่มขู่กัน ทั้ง 2 คน ก่อนถึงวันเกิดเหตุ 4 ม.ค.63 ช่วงเวลาประมาณ 11.00 น. ผู้ตายได้ขับรถมากับแม่และภรรยา โดยมีรถตำรวจขับรถตามมาด้วยอีกคัน มาถึงจุดเหตุยังไม่ทันได้พูดคุย แต่โดนชักปืนยิงผู้ตายโดยป้องกันตัว เพราะผู้ตายขับรถจะพุ่งชนตนเองก่อนจะเกิดเหตุสลดดังกล่าว โดยอ้างว่าผู้ก่อเหตุได้ลงมือทำเกินกว่าเหตุ และไม่ใช่การป้องกันตัวแน่นอน เพราะจริงๆ แล้วมีการยิงถึง 2 ครั้ง.