ยายชาวขอนแก่นวัย 70 ป่วยซึมเศร้า ก่อเหตุสลดพยายามบีบคอน้องสาววัย 68 ที่ป่วยอัลไซเมอร์จนสลบ หวังให้ตายตามกัน ก่อนจะไปผูกคอวงกบประตูห้องน้ำลาโลก ด้านกู้ชีพเร่งนำยายคนน้องส่ง รพ.ยื้อชีวิต
เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 2 มกราคม 2563 ร.ต.อ.ไชยวัฒน์ ขาวสุด รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองขอนแก่น รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ว่า มีเหตุคนถูกทำร้ายร่างกาย และคนผูกคอตายในห้องเช่าภายในบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ ม.9 ซอยช้างเดิน บ้านตูม ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.ขอนแก่น ภายหลังรับแจ้งจึงไปตรวจที่เกิดเหตุทันที พร้อมทั้งประสานเจ้าหน้าที่กู้ชีพ กู้ภัย รับคนเจ็บส่งโรงพยาบาลขอนแก่น
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบว่าสถานที่เกิดเหตุนั้นเป็นห้องแถวชั้นเดียวให้เช่าเรียงกันหลายสิบห้อง แต่ห้องที่มีคนเจ็บและคนตายนั้นเป็นห้องเช่าหมายเลข 4 พบคราบเลือดที่เก้าอี้นอน ส่วนคนเจ็บนั้นเจ้าหน้าที่กู้ชีพนำส่งรพ.ขอนแก่นไปก่อนหน้าที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะถึงที่เกิดเหตุเพียงเล็กน้อย ทราบชื่อว่า นางสาวกฤษณา ดาวลอย อายุ 68 ปี ชาวบ้าน ม.9 ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.ขอนแก่น มีร่องรอยถูกทำร้ายที่ลำคอจนมีรอยเขียวช้ำ เลือดออกหูทั้งสองข้าง มีหมอนสีขาววางอยู่บนอก และมีเชือกสีขาวคล้องที่แขนแล้วมัดติดกับที่จับของเก้าอี้นอน
...
ส่วนภายในบ้านซึ่งเป็นห้องเช่าโล่ง มีห้องน้ำในตัว พบศพ นางสาวนิตยา ดาวลอย อายุ 70 ปี ใช้ผ้าขาวม้า สายไฟฟ้าผูกคอตัวเองกับวงกบประตูห้องน้ำ ในสภาพนุ่งผ้าถุง ใส่เสื้อคอกระเช้าสีฟ้า เสียชีวิตมาประมาณ 3 ชั่วโมง ภายในห้องพักไม่มีร่องรอยการต่อสู้ มีเพียงจดหมายลาตาย 2 ฉบับ ฉบับแรกเขียนข้อความสั้นๆ ว่า “ป้อมพี่ขอโทษแทนไอ้ชาติชั่วนั้นด้วย พี่ขอโทษสำหรับทุกอย่าง ให้อภัยพี่ด้วย เอาเงินทำบุญพี่ด้วย 2 คน”
ส่วนฉบับที่ 2 เขียนยาว 1 หน้ากระดาษ ลงวันที่ 30 ธันวาคม 2562 ข้อความว่า ป้ายังมีสติดีอยู่ ป้ากินยาตัวไหนก็แพ้หมด ไม่ใช่ป้าไม่อยากหาย แต่มันแพ้จริงๆ ถ้าป้าเป็นอะไรไป ป้าขอโทษพี่น้อง หลานๆทุกคน โดยเฉพาะป้อม จิ๋ว ก๊อฟ ชาตินี้ป้าเกิดมามีบาปกรรมหนัก ป้าเอาแม่แป๋วไปด้วย มันเป็นกรรมผูกพัน ต่อไปอีกทุกชาติ ป้ามีทางเลือก อยู่ตอนเป็นก็ตกนรกทั้งเป็น ตายไปก็ตกนรกอเวจีที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ ป้าขอให้น้องๆหลานๆทุกคน อภัย อโหสิกรรมให้ป้าด้วย
ร่างกายป้ามันเสียหายหมดทั้งตัว เจ็บปวดตั้งแต่ข้อเท้า กระดูกหลัง อยู่ต่อไปป่วยเป็นผู้ป่วยติดเตียงทั้งสองคน การฆ่าตัวตายมันเป็นบาปมาก ป้าไม่เคยคิดจะฆ่าตัวตายสักที แต่ทีนั้นไม่มีทางออกจริงๆ ก๊อฟเรื่องรถถ้าสงสารป้า ก๊อฟรู้มั้ยน้าป้อมมาอยู่ดูแลป้ากับแม่ มันเหนื่อยแค่ไหน เหนื่อยทั้งกายทั้งใจ เหมือนเราไม่รู้จักบุญคุณคน มันซื้อเป็นเงินไม่ได้ อย่าให้มันผิดแบบป้าเลย อย่าให้เสียความรู้สึก แม่เอาเงินน้าป้อม คืนไม่หมดเป็นแสนๆ น้าป้อมก็ไม่ว่าอะไร พูดไปก็ไม่มีจะให้ น้าป้อมยังรู้บุญคุณแม่ และป้าขออย่าให้ทะเลาะกันเลยป้าจะได้ตายตาหลับ ลาก่อน”
ในขณะที่ นายวิจิตร ดาวลอย หรือป้อม อายุ 57 ปี น้องชายของคนตายและคนเจ็บ กล่าวว่า พี่นิตยาเป็นพี่สาวคนโต ป่วยเป็นโรคซึมเศร้ามาหลายปีแล้ว กินยารักษาตัวมาโดยตลอด แต่ไม่ดีขึ้น ส่วนพี่กฤษณา เป็นพี่สาวคนรอง ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์มานานแล้วเช่นกัน ตนเองเป็นน้องชายที่อาศัยอยู่ในบ้านเช่ากับพี่สาวทั้งสองคน และเป็นผู้ดูแลพี่สาวทั้งสองคนมานานแล้ว เพราะทั้งสองคนเป็นคนป่วย แต่ที่ผ่านมาไม่เคยปัญหาอะไร พูดคุยกันรู้เรื่อง
...
“ก่อนจะเกิดเหตุนั้น ช่วงบ่ายสามโมงเย็น ได้ทะเลาะกับพี่สาวคนโตในเรื่องปัญหาของครอบครัว จึงเดินออกจากบ้านไป ในบ้านจึงมีเพียงพี่สาวอยู่กันสองคน พอมืดค่ำจึงกลับมาที่บ้านเพื่อหาอาหารเย็นให้พี่สาว ปรากฏว่าในบ้านปิดไฟมืดสนิท จึงรีบเปิดประตูบ้านเข้าไป เปิดไฟดู เห็นพี่สาวคนรองนอนหมดสติที่เก้าอี้นอน ส่วนพี่สาวคนโตผูกคอที่ประตูห้องน้ำ จึงรีบโทรแจ้งตำรวจและขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่กู้ชีพกู้ภัยให้มาช่วยเหลือพี่สาวทั้งสองคน แต่พี่สาวคนโตตายแล้ว ส่วนพี่สาวคนรองอาการสาหัส” น้องชายของผู้ตาย กล่าว
ร.ต.อ.ไชยวัฒน์ ขาวสุด รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองขอนแก่น กล่าวว่า จากการสอบถามเพื่อนบ้านใกล้เคียง ไม่มีใครได้ยินเสียงร้องหรือเสียงทะเลาะกันออกมาจากห้องเช่าที่เกิดเหตุ และจากการดูในห้องพักและจดหมายลาตายของผู้ตายแล้ว น่าจะมีปมเหตุมาจากปัญหาเรื่องสุขภาพ และจิตใจที่ไม่ปกติจากอาการป่วยโรคซึมเศร้าของผู้ตาย จึงตัดสินใจแก้ปัญหาด้วยการทำร้ายร่างกายนางสาวกฤษณา น้องสาวตัวเองจนสลบ และอาจจะคิดว่าตาย จึงได้ผูกคอตัวเองตายตาม
รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองขอนแก่น กล่าวด้วยว่า ส่วนน้องชายที่เป็นผู้ดูแลก็ไม่ติดใจสาเหตุการตายของพี่สาว เพราะพี่สาวเคยบ่นจะฆ่าตัวตายบ่อยๆ และว่าถ้าจะตายจะเอาพี่สาวคนรองไปด้วย ซึ่งน้องชายก็ไม่คิดว่าพี่สาวจะทำจริง อย่างไรก็ตามจะได้ส่งศพให้แพทย์นิติเวชชันสูตรพลิกศพตามขั้นตอนต่อไป.
...