รองโฆษก ตร.โต้โซเชียลโจมตี ตำรวจเมืองปทุม ทำเพียงแค่ลงบันทึกประจำวัน เหตุเด็กใช้ขวดปากฉลามปาดคอกันในโรงเรียน เผยเจ้าหน้าที่ทำงานตามขั้นตอน ตอนนี้รู้ตัวผู้ก่อเหตุแล้ว เบื้องต้นเตรียมออกหมายเรียกมารับทราบข้อหาทำร้ายร่างกาย

เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.62 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีทำร้ายร่างกาย จากกรณีที่โลกออนไลน์ออกมาเปิดเผยเรื่องราว #รรชื่อดังย่านปทุม นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปาดคอเพื่อนนักเรียนด้วยกันจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดวันที่ 20 ธ.ค.ภายในโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.ปทุมธานี ว่า ได้รับรายงานจาก สภ.เมืองปทุมธานี ว่า เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. ผู้เสียหายอายุ 18 ปี ได้มาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองปทุมธานี ให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาซึ่งเป็นนักเรียนชั้นมัธยมโรงเรียนเดียวกันที่ได้ทำร้ายร่างกายโดยใช้ขวดที่แตกเป็นปากฉลามตบที่คอข้างขวาของผู้เสียหาย หลังจากเกิดเหตุผู้เสียหายได้เข้ารับการรักษายังโรงพยาบาลปทุมธานี และมาแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.ปทุมธานี ให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาจนกว่าคดีจะถึงที่สุด

รองโฆษก ตร.กล่าวว่า สำหรับประเด็นสื่อให้ความสนใจจากกระแสในโลกโซเชียลมีเดีย ว่า พนักงานสอบสวนทำเพียงแค่ลงบันทึกประจำวันไว้นั้น ขอเรียนว่า ตั้งแต่วันที่พนักงานสอบสวนได้รับแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการสอบปากคำผู้เสียหายไว้แล้ว พร้อมทั้งยังได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ บันทึกการตรวจสถานที่เกิดเหตุ ซึ่งพนักงานสอบสวนยังคงต้องรอสอบปากคำแพทย์โรงพยาบาลปทุมธานีที่ทำการรักษาและชันสูตรบาดแผลการถูกทำร้ายร่างกาย ประกอบกับสอบปากคำประจักษ์พยานที่เห็นเหตุการณ์รายอื่นๆ ซึ่งในส่วนผู้ต้องหาที่ก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถทำการพิสูจน์ทราบตัวผู้ก่อเหตุแล้ว โดยพนักงานสอบสวนจะได้ออกหมายเรียก หรือเชิญตัวเพื่อมารับทราบข้อกล่าวหาเบื้องต้น ในความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายและจิตใจ มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม ป.อาญา มาตรา 295

...

รองโฆษก ตร. กล่าวต่ออีกว่า ที่ผ่านมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้กำชับพนักงานสอบสวนในการอำนวยความยุติธรรมประชาชนที่มาติดต่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษโดยตลอด ให้ดำเนินการด้วยความรวดเร็ว เป็นธรรม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม นับตั้งแต่ชั้นสืบสวนสอบสวน ไม่ว่าจะเป็นการรวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งทางนิติวิทยาศาสตร์ หรือพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงกับการกระทำความผิดของผู้ต้องหา ตลอดจนการสอบปากคำให้สิ้นกระแสความสงสัยทุกประเด็น เพื่อไม่ให้เกิดข้อสงสัยในคดี และการเร่งรัดติดตามจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น และสร้างความมั่นใจ ความเชื่อมั่นให้กับประชาชน.