บช.ปส.เปิดปฏิบัติการ "สยบไพรี 63/3" ปิดล้อมตรวจค้น ทำลายเส้นทางการเงินยานรก 22 เป้าหมายใน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ จับอดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหนองไผ่ ฟอกเงินให้ “วีระ หมื่นจะดา” ลูกเขย พันเอกจะลอโบ ราชายาคนใหม่ พบ 4-5 เดือน มีเงินหมุนในบัญชี 500 ล้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา วันที่ 19 ธ.ค.62 ชุดปฏิบัติการพิเศษสยบไพรี กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) นำกำลังเข้าตรวจคนบ้านหลังหนึ่ง ในหมู่บ้านหนองไผ่ ต.ม่อนปิ่น อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ เพื่อจับผู้ต้องหาตามหมายจับคดียาเสพติด ซึ่งเป็นอดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน คือ นายสมศักดิ์ สาครคีรี หรือ จะสอ อายุ 48 ปี เครือข่ายฟอกเงินยาเสพติดของ นายวีระ หมื่นจะดา นักค้ายาเสพติดรายสำคัญ และยังเป็นลูกเขยของพันเอก จะลอโบ ที่หลบหนีอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน

โดยขณะที่ กำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นนายสมศักดิ์ พยายามวิ่งหลบหนีไปด้านหลังบ้าน ทางด้าน พ.ต.อ.สหัส ใจเย็น ผกก.ปพ.บช.ปส. หรือ หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษ “สยบไพรี” ที่อยู่ระหว่างตรวจค้น จึงคว้าตัวไว้ได้ ก่อนแจ้งหมายจับข้อหาสมคบกันฟอกเงินเกี่ยวกับยาเสพติด โดยนายสมศักดิ์ อ้างว่า อ่านภาษาไทยไม่ออก และพยายามขัดขืนการจับกุม ตำรวจต้องใช้เวลากว่า 10 นาที จึงสามารถใส่กุญแจมือผู้ต้องหาได้

...

สอบสวน นายสมศักดิ์ ให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด แต่ยอมรับว่ามีการพาลูกบ้านไปเปิดบัญชีธนาคารจริง เพราะที่ผ่านจะช่วยเหลือลูกบ้าน ในเรื่องของการทำธุรกรรมทางการเงิน ซึ่งบัญชีธนาคารที่ลูกบ้านเปิดนั้นไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวเองและเป็นการเปิดด้วยความเต็มใจ ไม่ได้มีการจ้าง ซึ่งข้อมูลนี้ดูจะขัดแย้งกับข้อมูลการสืบสวนของตำรวจ ที่พบว่า นายสมศักดิ์ มีพฤติกรรมว่าจ้างให้ลูกบ้านไปเปิดบัญชีธนาคารเพื่อใช้รับโอนเงินจากเครือข่ายค้ายาเสพติด ของกลุ่มนายวีระ หมื่นจะดา ผู้ต้องหารายสำคัญคดีค้ายาเสพติด โดยมีข้อมูลว่าปลายปี 2558 ระยะเวลา 4-5 เดือน มีการจ้างลูกบ้านกว่า 30 คน คนละ 1,000-2,000 บาท ไปเปิดบัญชีธนาคาร เพื่อรองรับเงินค่ายาเสพติดจากเครือข่ายทั่วประเทศ ก่อนโอนไปยังผู้ค้าและผู้ผลิตในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีเงินหมุนเวียนมากกว่า 500 ล้านบาท

นอกจาก นายสมศักดิ์ ตำรวจยังสามารถควบคุมตัว นายจรูญโรจน์ สาครคีรี อายุ 22 ปี ซึ่งเป็นลูกชายของนายสมศักดิ์ และเป็นเพื่อนสนิทของนายวีระ หมื่นจะดา ลูกเขยของพันเอก จะลอโบ ซึ่งถูกออกหมายจับข้อหาเดียวกัน

สำหรับปฏิบัติการวันนี้เป็นการทลายเครือข่ายและตัดวงจรเส้นทางการเงินของขบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ภาคเหนือ 3 ด้าน โดยเข้าตรวจค้นทั้งหมด 22 เป้าหมายในจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย เพื่อจับผู้ต้องหารายสำคัญ 14 หมายจับ พร้อมทั้งเอกซเรย์พื้นที่ โดยให้เจ้าหน้าที่จากกระทรวงสาธารณสุขมาตรวจปัสสาวะคนในชุมชน เพื่อคัดกรองหากพบว่ามีผู้ติดยาเสพติดก็จะนำตัวไปบำบัดรักษาตามนโยบายของรัฐบาลที่เร่งให้แก้ปัญหาเรื่องยาเสพติด.