ตำรวจคุมตัวแก๊งค้ายาโหด รุมซ้อม-จุดไฟเผาสาวใหญ่ทั้งเป็น ดับแค้นนำไอซ์ละลายน้ำ เค้นสอบเข้ม 1 คน ส่วนที่เหลืออีก 4 ถูกออกหมายจับแล้ว ตรวจสอบพบทั้งหมดเป็นญาติกัน
จากเหตุหญิงถูกคนร้ายรุมซ้อมและจุดไฟเผาทั้งเป็น จนได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อช่วงกลางดึกคืนวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยเหตุเกิดที่บ้านพักแห่งหนึ่งในซอย ถ.สายบ้านต้นหยี หมู่ 11 บ้านโคกเมา ต.ท่าช้าง อ.บางกล่ำ จ.สงขลา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันนี้ (5 ธ.ค.) ตำรวจ สภ.บางกล่ำ ได้นำตัวเยาวชนที่ร่วมก่อเหตุมาสอบสวนแล้ว 1 คน ชื่อ นายแบงค์ ซึ่งจากการสอบสวนพบว่า มีผู้ร่วมก่อเหตุทั้งหมด 5 คน คือ นายแหละ-นางแอด 2 สามีภรรยาเจ้าของยาไอซ์, นายเป้ ปีโป้ปั่น คนซ้อมและจุดไฟเผา, นายแบงค์ คนซื้อน้ำมันและช่วยซ่อม (จับได้แล้ว), นายเฮีย คนห้ามและดับไฟ โดยทั้งหมดเป็นญาติพี่น้องกัน ล่าสุดผู้ต้องหาที่เหลือ ตำรวจได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับแล้ว
ด้านชาวบ้านคนหนึ่ง เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุ นางมาลัย ถูกซ้อมก่อนที่ขนำหลังหนึ่ง เพื่อเค้นหายาไอซ์ที่แอบขโมยไป และนำมาซ้อมต่อที่ขนำเกิดเหตุพร้อมกับราดน้ำมันท่วมตัวและจุดไฟแช็กข่มขู่ให้บอกที่ซ่อน แต่นางมาลัยไม่ยอมพูดบอกเพียงว่านำยาไอซ์ไปละลายน้ำหมดแล้ว กระทั่งถูกเผาทั้งเป็นและพยายามวิ่งหนีตายออกมาจากขนำ ไปซ่อนตัวอยู่ท้ายรถกระบะของชาวบ้าน
นอกจากนี้ยังพบว่า ขณะที่ตำรวจลงพื้นที่ไปตรวจสอบ ก็ไม่ได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านในละแวกดังกล่าว ที่ไม่ยอมพูดอะไร เนื่องจากผู้ก่อเหตุเป็นเครือญาติกันทั้งหมด และบางคนก็กลัวว่าจะไม่ปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า ผู้ก่อเหตุบางคนได้หลบหนีออกจากหมู่บ้านไปแล้ว
...
ทั้งนี้รายงานข่าวล่าสุดอาการของ นางมาลัย ชุมประมาณ อายุ 50 ปี หรือจอย ที่ถูกจุดไฟเผาทั้งเป็น ขณะนี้ยังคงพักรักษาตัวอยู่ที่ห้องปลอดเชื้อ รพ.หาดใหญ่ ซึ่งมีอาการดีขึ้นพอพูดได้แล้ว โดยตำรวจเตรียมเข้าสอบปากคำอีกครั้ง แต่ต้องรอให้อาการดีขึ้นกว่านี้และปลอดภัยที่สุดก่อน
สำหรับคดีนี้ตำรวจได้ออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งหมดแล้วจำนวน 5 คน คือ นาย ส่อแหล๊ะ จิสวัสดิ์ อายุ41 หรือแหล๊ะ นาง จันทิรา บินเสหาะ อายุ36ปีหรือแอดซึ่งเป็นผัวเมียกัน นาย ยงยุทธ ชุมประมาณ อายุ26ปี หรือเป้ น.ส.ภัทราพร เพชรรัตน์ อายุ29ปี หรือแก้ว และนายแบงค์ เยาวชนอายุ17 ปี ซึ่งตำรวจได้ควบคุมตัวได้แล้วเป็นคนแรก
โดยทั้ง5 คนถูกแจ้งดำเนินคดี2 ข้อหา คือรวมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนโดยทรมานหรือโดยทารุณ โหดร้าย และร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขัง