ผบก.น.9 ย้ำรอผลนิติวิทยาศาสตร์ ภายใน 4-5 วัน คลายข้อสงสัย ฝีมือลูกชายหรือมีบุคคลอื่น ฆ่าหั่นศพแม่แช่ในตู้เย็น ขณะที่ชาวบ้านขนหัวลุก ช่วงตี 1 ได้ยินเสียงหมาหอนกันเซ็งแซ่ ลั่นอยากให้ญาติมาทำพิธีเชิญดวงวิญญาณ เพื่อความเป็นอยู่แบบปกติสุขจะได้กลับมาอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 27 พ.ย.62 ที่ภาควิชานิติเวชศาสตร์ โรงพยาบาลศิริราช นางแนน (นามสมมติ) ป้าของนายศิระ หรือ กายสมเดช อายุ 20 ปี เดินทางมาติดต่อขอรับศพนายศิระ โดยจะนำร่างไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดหลักสี่ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ
นางแนน เผยว่า เหตุการณ์ที่ผ่านมาตนได้ตั้งข้อสงสัยไว้ และอยากฝากผ่านสื่อมวลชน ให้ช่วยหาความจริงที่ชัดเจน ทางตำรวจก็ได้เพิ่มการตรวจสอบพยานหลักฐานอะไรต่างๆ เพิ่มขึ้น และขอบคุณที่ไม่ก้าวล่วงความเป็นส่วนตัวของป้า ทั้งนี้ได้มีการพูดคุยหารือกับญาติๆ ด้วยกันแล้วว่าจะตั้งศพน้องบำเพ็ญกุศลไว้กี่วัน ทุกคนสะเทือนใจ เสียใจ และไม่ทันได้ตั้งตัว ทุกคนพยายามทำให้ดีที่สุด
สำหรับป้าเองไม่มีสิทธิ์ที่จะติดใจและสงสัยอะไรแล้ว เนื่องจากตัวป้าไม่ได้เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ ทั้งนี้ได้คุยกับตำรวจและพนักงานสอบสวนแล้ว ทางพนักงานสอบสวนได้ทำงานแล้ว ก็ต้องรอสรุป และยืนยันผลทางนิติวิทยาศาสตร์อย่างเป็นทางการ น้องกายอยู่กับพ่อตั้งแต่เกิดจนถึงอายุ 15 ปี ที่บ้านน้องกายเป็นคนเรียบร้อย มีสัมมาคารวะ และเป็นเด็กดี ในตอนแรกทางแม่ไม่มีความพร้อมจึงฝากป้าให้ช่วยดูแลน้องกาย ต่อมาเมื่อทางแม่ทำธุรกิจแลัวมีความพร้อมก็มารับน้องไปดูแลเอง เราก็โอเคเพราะเขาอยู่กับแม่แล้วเขาก็มีความสุข เราก็ให้ไป เพราะอย่างไรสายเลือดก็ย่อมดีกว่าอยู่แล้ว นอกจากนี้ที่บ้านก็รักเขาทั้งคู่ ขณะนี้ไม่สามารถตอบได้ว่ากายเป็นคนทำหรือไม่เป็นคนทำ แต่สิ่งที่สัมผัสได้ด้วยหัวใจของตน น้องกายเป็นคนดี และเป็นเด็กดีมาโดยตลอด จากที่ตนได้สัมผัสมาตั้งแต่เด็ก และเป็นคนที่เคารพบุพการีและญาติๆ พูดจากันดี วันนี้ทางญาติได้ประสานรถของมูลนิธิร่วมกตัญญูเพื่อมารับศพน้องกายออกไปตั้งบำเพ็ญกุศล ทั้งนี้ขอความเป็นส่วนตัวด้วย เพราะเกรงจะกระทบกับจิตใจของญาติ ชื่อเสียง หน้าที่การงาน และความปลอดภัยของตน
...
ต่อมาเวลา พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ ผบก.น.9 เปิดเผยว่า ได้กำชับให้พนักงานสอบสวนโรงพักนครบาลท่าข้าม สอบปากคำพยาน 2 คนที่เข้าไปในบ้าน และผู้ที่เกี่ยวข้องในทุกประเด็น ส่วนของผลการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์จากแพทย์ฯ เท่าที่ทราบจะออกภายใน 4-5 วันนี้ พร้อมย้ำ ยังไม่สรุปว่าเป็นฝีมือลูกหรือมีบุคคลอื่น แต่จากภาพวงจรปิดและพยานหลักฐานอื่นๆ เบื้องต้นยังไม่โยงไปถึงบุคคลอื่น เจ้าหน้าที่จึงให้น้ำหนักไปที่ตัวลูกชายเป็นผู้ก่อเหตุมากที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงบ้านที่เกิดเหตุว่า ยังคงปิดประตู คล้องกุญแจอย่างแน่นหนา มีตำรวจฝ่ายสืบสวนขับรถวนมาดูเป็นระยะ และรถที่ขับหรือขี่ผ่านหน้าบ้านไม่มีใครกล้าชะลอมองเข้าไปในบ้านเลย
ด้าน นางบุษริน จิตตราคณี อายุ 25 ปี แม่ค้าร้านอาหารตามสั่งใกล้เคียงกับจุดเกิดเหตุ เล่าว่า ในวันที่เกิดเหตุ ตนก็อยู่ไม่ไกลจากบ้านที่เกิดเหตุได้ยินเสียงโวยวาย มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาที่หน้าบ้านหลังดังกล่าว แล้วบอกว่ามีคนคลุ้มคลั่ง และมีอาวุธปืนอยู่ในบ้าน เกรงว่าจะยิงปืนออกมานอกบ้านโดนผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง ตนยังออกมาช่วยตำรวจกั้นรถที่จะผ่านหน้าบ้านเพราะคิดว่ามีคนเมายาบ้า สักพักก็ได้ยินเสียงปืน แต่ไม่ดังมาก จนกระทั่งมาทราบว่าเกิดเหตุสลดขึ้น
สำหรับแม่ลูกคู่นี้มาซื้อบ้านอยู่ที่นี่เกือบ 3 ปีแล้ว ทั้งคู่รักกันดี แต่มาช่วงครึ่งปีหลังนี้มักมีปากเสียงกันบ่อยครั้ง ซึ่งหลังจากเกิดเหตุ วินรถจักรยานยนต์ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามบ้าน ปกติจะนั่งดื่มกินกันถึงประมาณ 4-5 ทุ่ม บางคนเมากลับไม่ไหวก็นอนที่วิน ตอนนี้ 2 ทุ่มก็แยกย้ายกันกลับบ้านหมดแล้ว รวมถึงร้านตนด้วย เมื่อคืนก็ต้องรีบปิดร้านช่วง 2 ทุ่มด้วยเช่นกัน พอเข้าบ้านเร็วก็นอนไม่หลับ ช่วงตี 1 ได้ยินเสียงหมาหอนกันเซ็งแซ่ ทำให้ชวนขนหัวลุก ต้องลุกขึ้นมาหายานอนหลับกิน ส่วนคนที่มีบ้านอยู่ในซอยนี้แล้วต้องขี่หรือขับรถผ่านบ้านนี้ที่อยู่ตรงกับทางสามแพร่งพอดี ก็ยอมที่จะอ้อมไปเข้าทางซอยท่าข้าม 20 เพื่อจะได้ไม่ผ่านที่เกิดเหตุ
อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านแถวนี้อยากให้ทางญาติมาทำพิธีเชิญดวงวิญญาณของแม่ลูกคู่นี้อย่างถูกวิธีด้วย เพื่อความเป็นอยู่แบบปกติสุขจะได้กลับมาอีกครั้ง.