ไอ้เอ็ม จนแต้ม สารภาพยิบทุกขั้นตอน ฆ่ายัดตู้เย็นเศรษฐินีใจบุญ ก้มกราบพี่ชายเหยื่อขอโทษ เผยผู้ตายเคยชม เป็น "ปิยมิตรที่ดี" คอยช่วยเหลือ ก่อนกลายเป็นฆาตกร ยอมรับชกหน้า ทรมานให้บอกรหัสเอทีเอ็ม ตระเวนรูดไป 1.7 ล้าน 

คดีสะเทือนขวัญของอำเภอจอมทอง จ.เชียงใหม่ เมื่อเช้าวันที่ 27 ต.ค. ตำรวจ สภ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ได้รับแจ้งพบศพถูกฆ่ายัดตู้เย็นภายในอาคารพาณิชย์ พื้นที่บ้านหลวง หมู่ 3 ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง ซึ่งอยู่ในซอยหน้าวัดพระธาตุศรีจอมทอง มีตู้เย็นขนาดใหญ่ถูกวางนอนลงกับพื้น มีผ้าห่มคลุมทับไว้ โดยยังเสียบปลั๊กไฟไว้อยู่ ข้างตู้เย็นพบถุงปูนซีเมนต์ 2 ถุง ถูกแกะใช้แล้ว ภายในตู้เย็นพบร่างผู้หญิงเสียชีวิตอยู่ภายใน สภาพศพนอนคว่ำ มือถูกมัดไพล่หลัง มีผงปูนซีเมนต์โรยทับอยู่ คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 10 วัน ทราบชื่อ นางสาววรรณี จิรเจริญยิ่ง อายุ 58 ปี ชาว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ

ต่อมา ตำรวจสืบสวนสอบสวนทราบว่า คนร้ายรายนี้ก็คือ นายวิฑูรย์ ศรีตะบุตร์ หรือเอ็ม อายุ 39 ปี คนขับรถสองแถวสีเหลือง สายเชียงใหม่-จอมทอง จึงได้เสนอออกหมายจับกุมตัวโดยคนร้ายนำบัตรเอทีเอ็มจำนวน 2 บัญชีของผู้ตายไปกดเงินได้ร่วม 2 ล้านบาท ต่อมาทางตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัวคนร้ายรายนี้ได้ที่พื้นที่ จ.นครสวรรค์ นำตัวกลับมาดำเนินคดีที่เชียงใหม่

ล่าสุด เวลา 09.30 น. วันที่ 1 พ.ย.62 พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผบช.ภ.5 พร้อมทั้ง พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี ผบก.สส.ภ.5 พร้อมชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 5 ได้นำตัว นายวิฑูรย์ ศรีตะบุตร์ เดินทางมาแถลงข่าวที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 อ.เมือง จ.เชียงใหม่ โดยทันทีที่ตำรวจนำตัวนายวิฑูรย์จากกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่มาถึง นายวิฑูรย์ ได้ยกมือไหว้ขอโทษในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดเวลา

...

จากนั้นตำรวจได้นำตัวขึ้นไปที่ห้องสอบสวนของ บก.สส.ภ.5 โดยมี นายวรพันธ์ จิรเจริญยิ่ง อายุ 59 ปี พี่ชายของ น.ส.วรรณี จิรเจริญยิ่ง ผู้เสียชีวิต ติดตามเข้าไปดูหน้าคนร้ายที่ฆ่าน้องสาว นายวรพันธ์ถามว่าฆ่าน้องสาวตนทำไม ทั้งๆ ที่น้องสาวตนดีกับนายวิฑูรย์ ยังชมให้ตนฟังว่าได้ปิยมิตรที่ดีที่คอยช่วยเหลือมาตลอดที่เชียงใหม่ ซึ่งทางนายวิฑูรย์ได้ร้องไห้และรีบก้มลงกราบนายวรพันธ์ กล่าวขอโทษว่าตนผิดไปแล้ว แม้จะได้เงินไปจำนวนมาก แต่ก็ไม่เคยมีความสุข ต่อให้ได้เป็น 10 ล้านก็ไม่ได้เป็นสุข ซึ่งนายวรพันธ์ได้กล่าวว่าน้องสาวเป็นคนดี และในช่วงที่ตนมาติดตามในเรื่องนี้ ได้ไปฟังพระบอกว่าน้องสาวเป็นพระโมคคัลลานะกลับชาติมาเกิดเพื่อชดใช้กรรมในชาตินี้ ตนก็พอทำใจได้บ้าง

นายวิฑูรย์ ศรีตะบุตร์ คนร้ายได้กล่าวต่อหน้า พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผบช.ภ.5 และญาติผู้ตายว่า ตนทำไปไม่มีความสุขเลย ต่อให้ได้เงิน 10 ล้านก็ตาม ตนต้องหลบหนีตลอดเวลา ตอนแรกตั้งใจจะหนีไปหลบที่ จ.อุดรธานี แต่ก็อยู่ไม่ได้ เลยกลับมาทางเหนือ กะจะกลับมาหาลูกหาเมียก่อนและจะเข้ามอบตัว ตนเสียใจจริงๆ แต่สิ่งที่ทำมันเรียกร้องอะไรคืนไม่ได้ ถึงตนได้ไปอีกเป็นสิบๆ ล้านมันก็ไม่มีความสุข ตนไม่เคยนอนหลับเลย

สำหรับเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ เมื่อเช้าวันที่ 11 ต.ค. ประมาณ 07.00 น. ตนได้ไปที่อาคารที่เกิดเหตุและกดกริ่งให้ น.ส.วรรณี ผู้ตายมาเปิดประตู โดยกดกริ่ง 2-3 ครั้งผู้ตายก็ไม่เปิดจนตนไปที่ประตูด้านข้างกดกริ่งให้เปิดอีกหลายครั้งจน น.ส.วรรณีลงมาและเปิดประตูแง้มดู เห็นเป็นตนก็เลยเปิดประตูให้ ตนจึงดันเข้าไปและรีบดันตัว น.ส.วรรณี เข้าไปจะนำขึ้นไปชั้นสอง แต่ น.ส.วรรณีเริ่มขัดขืนตนจึงชกหน้าไป 2 ทีและบังคับให้บอกที่เก็บเงิน แต่ น.ส.วรรณี ไม่ยอม ตนจึงทรมานโดยจับมัดมือมัดเท้าไว้และใช้เทปกาวปิดปากจากนั้นบังคับให้บอกรหัสบัตรเอทีเอ็ม ซึ่ง น.ส.วรรณีกลัวมากจึงบอกรหัสให้

จากนั้น ได้นำบัตรไปกดที่ตู้เอทีเอ็ม แต่กดไม่ได้ จึงกลับไปและทำร้ายโดยการชกใบหน้าจน น.ส.วรรณี ยอมบอกรหัสให้ เมื่อตนนำไปกดก็สามารถกดเงินได้ โดยมี 2 บัญชี มีบัตรเอทีเอ็มซึ่ง น.ส.วรรณียอมบอกรหัสให้ นำไปกด และเมื่อกลับมาอีกครั้งพบว่า น.ส.วรรณี แน่นิ่งไปแล้ว ตนจึงใช้ถุงพลาสติกสวมศีรษะ น.ส.วรรณี เพื่อให้แน่ใจว่าเสียชีวิต แล้วออกจากบ้านไปโดยนำรถบีเอ็มดับบลิวไปด้วย

...

"ก่อเหตุเช้าวันที่ 11 ต.ค. และวันที่ 13 ต.ค.ได้ย้อนกลับมาที่อาคารเกิดเหตุเพื่อจะอำพรางศพจะนำไปทิ้งที่อื่น แต่ปรากฏว่ายกไม่ได้ จึงนำศพยัดตู้เย็น โดยกลับไปซื้อปูนซีเมนต์มา 2 ถุง กลับมาจัดการกับศพ และไปรื้อกล้องวงจรปิดนำซิมออกมา และหลบหนีไปตระเวนกดเงินตามที่ต่างๆ และติดตามข่าวจากสื่อในโซเชียล แต่ข้อมูลข่าวก็ไม่ค่อยตรงกับความเป็นจริง จนเห็นมีสื่อลงเรื่องสาวทอม จึงนำมาประกอบเป็นเรื่องราวผ่านภรรยาของตน และติดตามข่าวตลอด ขณะหนีไปหลายจังหวัด โดยเงินที่ได้ไปประมาณ 1 ล้าน 7 แสน และทองอีก 5 บาท ส่วนรถยนต์บีเอ็ม ไปฝากไว้ที่เพื่อน ซึ่งเขาไม่รู้เรื่อง โดยหลอกว่าเป็นรถของลูกพี่มาฝากไว้"

ด้าน พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผบช.ภ.5 เผยว่า การจับกุมในครั้งนี้เป็นการร่วมมือกันของตำรวจหลายหน่วยงานทั้งตำรวจภูธรภาค 5 และกองปราบในการร่วมคลี่คลายคดีจนรู้ตัวคนร้ายรายนี้ และติดตามจับกุมตัวตั้งแต่ จ.ระยอง กรุงเทพฯ นครปฐม กาญจนบุรี สุพรรณบุรี อุทัยธานี จนสุดท้ายจบที่ นครสวรรค์ สามารถจับกุมคนร้ายได้

จากการสอบสวนคนร้ายกระทำความผิดเพียงคนเดียว โดยสามารถตรวจยึดของกลางได้จำนวน 1.7 ล้านบาท คนร้ายใช้เงินในการซื้อของต่างจำนวนร่วม 5 แสนบาทในช่วงหลบหนี คนร้ายรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาตั้งแต่ขั้นตอนต่างๆ ในการชิงทรัพย์และฆ่าเจ้าทรัพย์ คนร้ายมีการวางแผนในการฆ่าชิงทรัพย์ครั้งนี้ โดยคนร้ายอ้างการก่อเหตุมีปัญหาในครอบครัว โดยแรงจูงใจคนร้ายบอกว่าจะไปขอผู้ตายดาวน์รถยนต์ให้ แต่คนตายไม่ยอมทำตามจึงจัดการฆ่าชิงทรัพย์ในครั้งนี้ การก่อเหตุรับสารภาพทำเพียงคนเดียว

หลังจากที่ได้แถลงข่าวเสร็จสิ้น ทางตำรวจได้นำตัวนายวิฑูรย์ไปชี้รถยนต์และจุดเส้นทางที่หลบหนี และยังไม่มีการนำไปทำแผน ต้องรอการสอบสวนพยานต่างๆ ก่อน.

 

...