“บิ๊กอู๊ด” แถลงจับ 3 คดีรวด ทั้งหลอกทำหนังสือรับรองเพื่อจดทะเบียนสมรสปลอม คู่รักไทย-ลาว ลักลอบนำรถออกไปขายลาว และชาวต่างชาติจนมุมด้วยระบบไบโอเมทริกซ์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 20 ต.ค. ที่ สตม. พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ รอง ผบช.สตม. พ.ต.อ.พัลลภ สุริยกุล ณ อยุธยา รอง รอง ผบก.ตม.4 พ.ต.อ.เศรษฐภัทร ณ สงขลา ผกก.สส.บก.ตม.4 และเจ้าหน้าที่ บก.ตม.4 ร่วมแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหา 3 คดี

คดีแรกจับปลอมหนังสือรับรองลาวขอจดทะเบียนสมรสไทย โดยจับกุมนายณรงค์ศักดิ์ แก้วแสนเมือง อายุ 52 ปี บริเวณ ต.โพธิ์ชัย อ.เมือง จ.หนองคาย ผู้ต้องหาคดี ฉ้อโกง

พล.ต.ท.สมพงษ์ เปิดเผยว่า ผู้ต้องหากับกลุ่มบุคคลต่างด้าวที่อยู่ในลาว จะลงประกาศทางเว็บไซต์เป็นเอเยนต์ จัดทำหนังสือรับรองของทางการลาวนำมายื่นให้ทางไทย ใช้ออกทะเบียนสมรส ระหว่างคนไทยและคนลาว เพื่อทำให้ชาวลาว สามารถอยู่ในไทย 1 ปี ซึ่งทางการลาว ตรวจสอบพบว่า มีคู่รักไทยลาว กว่า 1,900 คู่ ที่ขอจดทะเบียน แต่เมื่อตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่า ที่จดถูกต้องมี 1,600 คู่เท่านั้น จึงทราบว่ามี 300 คู่ ที่ไม่ถูกต้อง

พล.ต.ท.สมพงษ์ เผยต่อไปว่า หลังตรวจสอบพบทางการลาวจึงประสานมาทางการไทยให้ตรวจสอบใน 20 จังหวัดภาคอีสาน เบื้องต้นพบ 7 คู่ แบ่งเป็น จ.อุบลราชธานี 4 ราย และ จ.อุดรธานี 3 ราย จึงประสานคู่รักเข้าให้ข้อมูลบอกมีเอเยนต์ คือ นายณรงค์ศักดิ์ สามารถทำเอกสารดังกล่าวได้ ซึ่งเอกสารที่ทำในไทยและลาว ใช้เวลานานเกือบ 1 ปี กว่าจะสำเร็จ จึงจ้างเอเยนต์ ราคา 40,000-70,000 บาท กระทั่งจับกุม นายณรงค์ศักดิ์ อ้างว่าเป็นแค่ตัวกลางคนไทยส่งข้อมูลให้พวกที่เป็นต่างด้าวในลาว แจ้งข้อหา "ฉ้อโกงประชาชน" นำส่ง พงส.สภ.เมืองอุดรธานี พร้อมขยายร่วมกับทางการลาว จับกุมขบวนการต่อไป.

...

คดีที่ 2 จับคนไทยลักลอบนำรถออกไปขายลาว ผู้ต้องหา 2 ราย ประกอบด้วย นายเชษฐ ไชยมาตย์ อายุ 61 ปี และ นายบัณฑิตย์ องอาจ อายุ 70 ปี ข้อหา "พยายามลักลอบนำรถยนต์ออกนอกราชอาณาจักร" บริเวณด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 จ.นครพนม

โดยเจ้าหน้าที่พบผู้ต้องหา ขับรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า ไฮลักซ์ สีบรอนซ์ เพื่อจะไปลาว จึงตรวจสอบหนังสือเดินทางรถยนต์เป็นเล่มใหม่ และโอนกรรมสิทธิ์ภายในวันเดียวกัน คู่มือการจดทะเบียนรถมีการโอนและต่อทะเบียนมีลักษณะผิดสังเกต ภายในรถไม่มีสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นในการเดินทาง เมื่อตรวจสอบในระบบ พบว่านายเชษฐ เคยนำรถยนต์ออกจากไทย 2 ครั้ง ช่วงเดือน ธ.ค. 2561 แต่เดินทางกลับเรือโดยสาร ไม่มีการแจ้งและนำรถกลับมาด้วย

สอบสวนนายเชษฐ รับว่าขายรถยนต์ดังกล่าวให้ผู้ซื้อที่ลาว และโอนชื่อให้นายบัณฑิต เป็นเจ้าของ เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ตรวจพบ นำตัวดำเนินคดีต่อไป.


และคดีที่ 3 จับกุมด้วยระบบไบโอเมทริกซ์ 2 คดี รายแรกจับกุม นายโรเบิร์ต สงวนนามสกุลตามสิทธิ อายุ 54 ปี สัญชาติแคนาดา บริเวณด่าน ตม.มุกดาหาร โดยขณะผู้ต้องจะออกจากไทย ระบบไบโอเมทริกซ์แจ้งเตือน หนังสือเดินทางดังกล่าวถูกแจ้งหายและถูกโจรกรรม จึงประสานเจ้าหน้าที่ประจำสถานทูตแคนาดาประจำประเทศไทย ตรวจสอบพบมีข้อมูลไม่ตรงกัน 6 จุด จึงควบคุมตัวและแจ้ง ข้อหา"ปลอมและใช้หนังสือเดินทางปลอม" นำตัวดำเนินคดี

รายต่อไป จับกุมนายเจมมี่ สงวนนามสกุลตามสิทธิ อายุ 36 ปี สัญชาติอังกฤษ เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น ในคดียาเสพติด เมื่อปี 55 จับกุมที่บ้านพักใน ต.กุดน้ำใส อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น เจ้าหน้าที่รับการประสานจาก สภ.เมืองอุดรธานี
ให้ติดตามจับกุมผู้ต้องหา จึงใช้ระบบไบโอเมทริกซ์ ตรวจสอบพบมีการแจ้งที่พักไว้จุดดังกล่าว ก่อนทำการตรวจค้นตรวจค้นที่พักพบ ยาไอซ์ หนัก 0.21 กรัม และอุปกรณ์การเสพ

สอบสวนผู้ต้องหา รับว่าของกลางเป็นของตน มีไว้เพื่อเสพ เอง แจ้งข้อหา มียาไอซ์ ไว้ในครอบครอง นำตัวส่ง พงส.สภ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.