คนร้ายสวมหมวกกันน็อก บุกชิงทองจากร้านทองทวีชัย 9 ย่านหนองแขม ได้แหวนทองคำไปหนัก 5 บาท ก่อนขึ้น จยย.ที่ขับมาหนีไปทางถนนเอกชัย ด้าน ตำรวจ สน.บางบอน เร่งตามสกัดจับกุม

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 12 ต.ค. ร.ต.อ.ปรัชญา สร้อยทอง รอง สว.(สอบสวน) สน.หนองแขม รับแจ้งเหตุคนร้ายชิงทอง ภายในร้านทองทวีชัย 9 เลขที่ 49/28-29 ถนนบางบอน 3 แขวงและเขตหนองแขม กรุงเทพฯ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบก่อนไปตรวจสอบพร้อมฝ่ายสืบสวนและเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน

ที่เกิดเหตุเป็นร้านทอง 2 คูหา ในที่เกิดเหตุพบ น.ส.อัมพร เถียมสันเทียะ อายุ 47 ปี พนักงานในร้านพร้อมพนักงานสาวอีก 2 คน รอให้การด้วยอาการตื่นตระหนกว่า ช่วงเวลา 15.50 น. ขณะที่กำลังรอลูกค้า ตอนนั้นในร้าน 4 คน เป็นผู้หญิงที่เฝ้าหน้าเคาน์เตอร์ 3 คน และช่างทำทองซึ่งอยู่หลังร้าน 1 คน ได้มีคนร้ายเป็นชายสูงประมาณ 170 ซม. สวมหมวกกันน็อกสีดำแบบเต็มใบ เสื้อคลุมกันฝนสีส้มสะท้อนแสง สวมถุงมือสีดำ เดินเข้ามาภายในร้าน ซึ่งทางพนักงานได้บอกให้ถอดหมวกกันน็อกออก แต่คนร้ายไม่ยอม แล้วพูดว่า "ผมมาเอาของ" จากนั้นคนร้ายได้เอาไขควงที่เตรียมมาออกมาวางขัดประตูกระจกไว้ไม่ให้ปิดสนิท ก่อนจะเดินมาที่เคาน์เตอร์ขายทองที่มีรั้วสเตนเลสกั้นไว้

...

จากนั้นโชว์ประแจที่เตรียมมาเหมือนจะขู่ให้ทุกคนอย่าขัดขืน จากนั้นได้เอื้อมมือขวาลอดรั้วเข้าไปเปิดบานพับเพื่อหยิบทอง โดยคนร้ายได้คว้าเอาแหวนทองคำออกมา 1 ถาด และวางไว้บนตู้โชว์ และหยิบออกไปจำนวนหนึ่ง น้ำหนักรวมประมาณ 5 บาท ก่อนจะเดินเท้ามุ่งหน้าไปถนนเอกชัย เพื่อขึ้นรถ จยย.ที่จอดไว้ด้านข้างร้านหลบหนีไป


ด้าน พ.ต.อ.ศรศักดิ์ ทองมี ผกก.สน.บางบอน กล่าวว่า สำหรับในพื้นที่สน.บางบอน ช่วงเวลาประมาณ 11.00 น. ได้มีคนร้ายคาดว่าเป็นคนเดียวกับคนที่ก่อเหตุในท้องที่สน.หนองแขม แต่งตัวมีลักษณะตรงกัน โดยคนร้ายได้เดินเข้าไปในห้างทองโชคดี ถนนเอกชัย แขวงและเขตบางบอน แล้วบอกกับพนักงานขายว่า เอาทองมาให้ผม โดยพนักงานคิดว่าเป็นคนสติไม่ดี และไม่น่าจะประสงค์ดี จึงเดินเข้าไปหวังจะแจ้งเหตุ ปรากฏว่าคนร้ายไหวตัวทันจึงหลบหนีไป โดยได้ให้ฝ่ายสืบสวนขอภาพคนร้ายจากกล้องวงจรปิดภายในร้าน แล้วทำเป็นภาพนิ่งส่งให้สายตรวจทุกคันเฝ้าระวังบุคคลดังกล่าว แต่สุดท้ายก็มาก่อเหตุในท้องที่ สน.หนองแขมจนได้


สอบสวนพยานแวดล้อมทราบว่า คนร้ายวนมาดูลาดเลาแล้ว 2 รอบ ก่อนลงมือ เบื้องต้นตำรวจอยู่ระหว่างการตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียง เพื่อหายี่ห้อและทะเบียนรถ และหาเส้นทางการหลบหนีของคนร้ายเพื่อจับตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.