แฉอีกเรื่อง “เสี่ยท็อปหมื่นล้าน” สวมคราบนักบุญส่งคนไปติดต่อสร้างศาลาการเปรียญวัดดัง จ.นครพนม แต่ทางวัดพบพิรุธดำเนินการล่าช้าเลยสั่งยุติการก่อสร้าง หวั่นนำชื่อวัดไปแอบอ้างขอเงินบริจาค

เมื่อวันที่ 5 ต.ค.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องราวของนายท็อปอ้างตัวเป็นนักธุรกิจรวยหมื่นล้านไปหลอกแต่งงานกับ น.ส.ดา (นามสมมติ) อายุ 30 ปี สาวชาว จ.บุรีรัมย์ เปิดห้องโรงแรมหรูจัดงานแต่งงานใหญ่โต ก่อนทิ้งหนี้สินค่าใช้จ่ายงานวิวาห์ไว้ให้ฝ่ายหญิงกว่า 3.5 ล้านบาท ชาวโซเชียลพยายามขุดคุ้ยประวัติของนายท็อป ส่อเค้าจะกลายเป็น “เสี่ยกำมะลอ” มีพฤติกรรมหลอกลวงเหยื่อมาแล้วหลายราย แต่ยังไม่มีเจ้าทุกข์เข้าแจ้งความ ขณะที่นายท็อปยังเก็บตัวเงียบไม่ออกมาพิสูจน์ความจริง

ล่าสุดเมื่อวานนี้ (4 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวไปที่วัดศรีเทพประดิษฐาราม วัดเก่าแก่ในเขตเทศบาลเมืองนครพนม หลังมีเพจดังออกมาแฉว่า เสี่ยกำมะลอ หรือเสี่ยท็อป ส่งเครือข่ายมาติดต่อสวมบทนักบุญขอเป็นเจ้าภาพจัดสร้างศาลาการเปรียญหลังใหม่แทนหลังเก่าของวัด พบป้ายโครงการบูรณะศาลาพระเทพสิทธาจารย์ พร้อมระบุชื่อเจ้าภาพคือนายธนณัฐ สิริปิยาพร และคณะ เป็นชื่อตรงกับนายท็อป ตามที่เป็นข่าว

ผู้รับจ้างเป็นบริษัทแห่งหนึ่งใน จ.สมุทรปราการ ระบุวันเริ่มสัญญา 6 ม.ค.62 สิ้นสุดสัญญาวันที่ 6 ม.ค.63 ระยะเวลาก่อสร้าง 250 วัน งบประมาณก่อสร้าง 30 ล้านบาท ส่วนศาลาการเปรียญดังกล่าว ยังไม่มีการรื้อถอน มีเพียงรื้อระบบสายไฟภายในเตรียมการรื้อก่อสร้างใหม่เท่านั้น อีกทั้งยังมีนั่งร้าน วัสดุก่อสร้างเหล็กเส้นบางส่วนกองเตรียมไว้ด้านหลัง จนมีหญ้าขึ้นรก

พระมหาโดม ปัญญาธโร อายุ 49 ปี เจ้าอาวาสวัดศรีเทพประดิษฐาราม เจ้าคณะจังหวัดนครพนม ฝ่ายธรรมยุต ให้ข้อมูลว่า ทางวัดยังไม่ได้รับความเสียหาย เพียงแต่ต้นปีที่ผ่านมา มีโยมผู้หญิงคนหนึ่งมาติดต่อทางวัดว่ามีจิตศรัทธาที่จะเป็นเจ้าภาพสร้างบูรณะศาลาการเปรียญของวัด เนื่องจากเป็นศาลาการเปรียญเก่าที่ก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2515 ไม่มีข้อมูลว่าเกี่ยวข้องเป็นอะไรกับเสี่ยที่ตกเป็นข่าว และไม่เคย เห็นว่ามีเสี่ยที่ตกเป็นข่าวมาติดต่อทำบุญ มีเพียงโยมผู้หญิงที่มาเสนอตัว แต่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ทางวัดไม่ได้ปฏิเสธเพราะถือเป็นผู้มีจิตศรัทธาทั่วไป และได้มีการประสานเรื่องการออกแบบศาลาการเปรียญนำมาเสนอเรียบร้อย

...

เจ้าอาวาสวัดเผยต่อไปว่า จากนั้นทราบเพียงว่า ผู้เสนอตัวเป็นเจ้าภาพไปติดต่อจ้างบริษัทรับเหมาเอกชนมาดำเนินการ นำวัสดุก่อสร้างมาเตรียมงานตั้งแต่ต้นปี คาดว่ามีมูลค่านับล้านบาท จากนั้นทางวัดพบผิดปกติ มีความล่าช้า ไม่มีการดำเนินการต่อ จึงยุติไม่ให้ดำเนินการต่อ และแจ้งว่าหากจะมีการก่อสร้างให้โอนเงินให้คณะกรรมการวัดโดยตรงเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาภายหลัง เกรงว่าจะนำวัดไปกล่าวอ้างขอรับบริจาค เพราะทางวัดไม่ได้เป็นเจ้าภาพร่วม จากนั้นเงียบหายไป และมีผู้รับจ้างเอกชนแจ้งว่าไม่ได้รับเงินค่าจ้างตามข้อตกลง โชคดีทางวัดไม่ได้ทุบรื้อถอนศาลาการเปรียญจึงยังไม่ได้รับความเสียหาย.