ตำรวจบางเขนตามรวบลุงโชเฟอร์แท็กซี่ ระแวงเมียสาวเจ้าของร้านกิฟต์ช็อป ปันใจไปมีชายคนใหม่ กะซวก 5 แผลมีดปักอกดับสยองคาทาวน์เฮาส์ ในซอยพหลโยธิน 52 ขณะที่ลูกสาวเข้าเยี่ยม พร้อมวอนอยากให้สังคมเห็นใจ ให้โอกาส อย่างเพิ่งตัดสิน เพราะพ่อต้องขายทุกสิ่งเพื่อเอาเงินให้ผู้ตาย...
จากกรณี นายจิตติ เหลี่ยมเพ็ชร์ อายุ 61 ปี ใช้มีดทำครัวแทงภรรยา น.ส.สมหวัง สุขขัง อายุ 43 ปี เสียชีวิตในห้องน้ำบ้านเลขที่ 46/481 หมู่บ้านธนวรรณ ซอยพหลโยธิน 52 ถนนพหลโยธิน แขวงคลองถนน เขตสายไหม กทม. เหตุเพราะหึงหวงกลัวภรรยามีชายใหม่ โดยหลังเกิดเหตุได้หลบหนีไปที่ จ.พิษณุโลก กระทั่งวันที่ 1 ต.ค. ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ เหตุเกิดเมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 29 ก.ย. ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 2 ต.ค.62 พ.ต.อ.ชุมพล ชาญชนะโยธิน รองผบก.น.2 พ.ต.อ.อำนาจ อินทรศวร ผกก.สน.บางเขน พ.ต.ท.อนันต์ วรสาตร์ รองผกก.สส. และ พ.ต.ท.สราวุธ บุตรดี สว.(สอบสวน) ร่วมกันสอบสวนนายจิตติ ผู้ต้องหาคดีฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
พ.ต.อ.ชุมพล กล่าวว่า ผู้ต้องหารับสารภาพว่าวันเกิดเหตุเวลาประมาณ 04.00 น. นายจิตติ ได้ออกไปขับรถแท็กซี่ แต่ลืมของจึงกลับเข้าบ้าน พบเห็นผู้ตายกำลังจะออกจากบ้านเช่นกันจึงสอบถามว่าจะไปไหนแต่เช้ามืด แต่ไม่ได้คำตอบ จึงมีปากเสียงกัน ด้วยบันดาลโทสะจึงหยิบมีดปอกผลไม้ไล่ทำร้ายผู้ตาย ผู้ตายพยายามวิ่งหนีเข้าห้องแต่ปิดประตูไม่ทัน จึงโดนผู้ต้องหาแทงจนเสียชีวิต ซึ่งก่อนหน้านี้ทั้งคู่มีปัญหาทะเลาะกันเรื่องสงสัยว่าผู้ตายมีชู้มาหลายปีแล้ว
...
ด้าน พ.ต.อ.อำนาจ กล่าวว่า จากนี้จะนำตัวไปชี้จุดเกิดเหตุ ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บ้านเลขที่ 46/481 หมู่บ้านธนวรรณ ซอยพหลโยธิน 52 ถนนพหลโยธิน แขวงคลองถนน เขตสายไหม กรุงเทพฯ แต่ทางผู้ต้องหาขอใช้สิทธิไม่ยินยอมให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปทำข่าวในบ้านที่เกิดเหตุ จากนั้นจะนำไปฝากขังที่ศาลอาญารัชดา
ด้าน น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 42 ปี ได้เดินทางมาเยี่ยม นายจิตติ ผู้เป็นพ่อที่สน.บางเขน โดยกล่าวว่า ตนเป็นลูกสาวของภรรยาคนแรกของพ่อ หลังเข้าเยี่ยมพ่อก็ยอมรับสภาพกับสิ่งที่เกิดขึ้น ส่วนเรื่องการประกันตัวตนขอปรึกษาหลายๆ คนก่อน ก่อนหน้านี้พ่อเป็นผู้รับเหมา มีเงินใช้ไม่ขาดมือ พ่อเป็นคนดี พ่อไม่เคยมีอารมณ์ที่รุนแรงหรือเครียดแบบนี้มาก่อน โดยเมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว พ่อมาเจอกับผู้ตายแล้วพาเข้ามาอยู่ที่บ้านด้วย ในลักษณะ 3 คนผัวเมีย อยู่ได้สักพักพ่อก็ได้แยกตัวออกมาอยู่กับผู้ตาย
น.ส.เอ กล่าวต่อว่าหลังจากนั้นเศษฐกิจเริ่มไม่ดี พ่อต้องขายรถขายทุกสิ่งที่อยู่ในบ้าน และเอาเงินส่วนหนึ่งไปให้ผู้ตายเปิดร้านกิฟต์ช็อป ทำทุกอย่างเพื่อหาเงินให้กับผู้ตาย โดยมาขับรถแท็กซี่ และถูกกดดันหลายอย่าง มาเล่าให้ตนฟังหลายครั้ง ซึ่งตนก็ได้แต่รับฟัง มีอยู่ครั้งหนึ่งพ่อบอกว่าจะฆ่าตัวตายที่ไม่มีเงินมาให้ผู้ตาย แต่ตนก็ห้ามไว้ก่อน มาช่วงหลังๆ พ่อมักจะระแวงว่าผู้ตายจะไปมีคนอื่น ทั้งที่พ่อทุ่มเทให้ผู้ตายขนาดนี้ จนเกิดเหตุขึ้น และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ตนก็จะไปเยี่ยมพ่อ ตนอยากให้สังคมเห็นใจ อยากให้สังคมให้โอกาส อย่างเพิ่งตัดสินพ่อต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น.