"กุ๊กไก่" ฉุนขาดเพื่อนรุ่นพี่ที่โต๊ะสนุกเกอร์ ชอบไปฟ้องพ่อ-พี่ ที่ตัวเองแอบมาเล่น จึงถูกดุด่าตลอด เกิดความโมโห เมื่อเจอหน้าชักปืนลูกโม่จ่อเข้าหัวรัว 5 นัด ดับคาโต๊ะ ก่อนถือปืนยืนรอมอบตัวกับตำรวจ...

เมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 16 ก.ย.62 ร.ต.อ.มนตรี สงคง รอง สว.(สอบสวน) สภ.ห้วยยอด จ.ตรัง รับแจ้งเหตุยิงกันตาย มีผู้เสียชีวิตภายในร้านห้วยยอดสนุกเกอร์ เลขที่ 81 ถนนเทศบาล 13 ในเขตเทศบาลตำบลห้วยยอด จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ประดิษฐ ชัยพล ผกก.สภ.ห้วยยอด พ.ต.ท.รัฐกร ภักดีวานิช รอง ผกก.สส. และกำลัง ตร.สืบสวน และชุดสายตรวจ ก่อนแจ้งประสานไปยัง ตร.กองพิสูจน์หลักฐาน จ.ตรัง แพทย์เวร รพ.ห้วยยอด และหน่วยกู้ภัยฯ บรรเทาห้วยยอด รุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเปิดเป็นร้านสนุกเกอร์ชั้นเดียว 2 คูหา เปิดให้บริการตั้งแต่ 10.00 -24.00 น. ภายในร้านข้างโต๊ะสนุกเกอร์พบศพ นายชัชชวิทย์ ทิพย์มาศ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 94/18 ถนนเทศารัษฎา ต.ห้วยยอด อ.ห้วยยอด จ.ตรัง นอนหงายเสียชีวิต เลือดเจิ่งนองเต็มพื้น สภาพศพสวมเสื้อกีฬาสีแดง กางเกงฟุตบอลขาสั้นสีดำ บริเวณศีรษะมีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .38 จำนวน 5 นัด โดยมือปืนผู้ก่อเหตุ ทราบชื่อ นายวีระยุทธ หรือ กุ๊กไก่ ทรัพย์สิน อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 133 ถนนเทศบาล 5 ต.ห้วยยอด อ.ห้วยยอด จ.ตรัง หลังก่อเหตุได้ยืนรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมอาวุธปืนลูกโม่ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวมาสอบสวนที่ สภ.ห้วยยอด

...

พ.ต.อ.ประดิษฐ เผยว่า จากการสอบสวน นายวีระยุทธ หรือ กุ๊กไก่ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือยิงนายชัชชวิทย์ จนถึงแก่ความตาย โดยนายวีระยุทธ กับผู้ตายรู้จักกันมานาน มักจะมาเจอกันที่โต๊ะสนุกเกอร์ดังกล่าวเป็นประจำ และมักมีปากเสียงกันบ่อยครั้ง เนื่องจากผู้ตายชอบไปบอกกับพ่อและพี่ชายของว่าชอบหนีมาเล่นสนุกเกอร์ ทำให้ถูกพ่อและพี่ชายดุด่าบ่อยครั้ง จนไม่ชอบหน้ากัน

สอบสวนเบื้องต้น ทราบว่าก่อนเกิดเหตุประมาณ 22.00 น. ผู้ก่อเหตุมาโต๊ะสนุกเกอร์ตามปกติ ก็พบ นายชัชชวิทย์ อยู่ในร้าน และมีผู้มาใช้บริการอีก 3 คน จู่ๆ ผู้ตายก็พูดว่าจะไปฟ้องพ่อของผู้ก่อเหตุว่าหนีมาเล่นสนุกเกอร์อีกแล้ว ด้วยความโกรธนายวีระยุทธ จึงเดินเข้าไปหาผู้ตาย ก่อนชักอาวุธปืนลูกโม่ที่พกติดตัวมากระหน่ำยิงเข้าที่ศีรษะ 5 นัด และยืนรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ ส่วนอาวุธปืน จากการตรวจสอบมีทะเบียนถูกต้อง และนายวีระยุทธชอบพกติดตัวเป็นประจำ

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหา ฆ่าคนตายโดยเจตนา และพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร ก่อนทำการตรวจสอบทะเบียนอาวุธปืนว่าเคยก่อเหตุที่ใดมาก่อนหน้านี้หรือไม่ และทำการสอบสวนพยานทำสำนวนเตรียมฝากขังต่อไป.