“น้องๆ ถุงผักร่วงบนถนน” พ่อค้าไก่ย่างนึกว่าพลเมืองดีมีน้ำใจมาบอก จอดมอเตอร์ไซค์รีบลงไปเก็บ พร้อมยกมือไหว้กล่าวขอบคุณ สุดท้ายกลายเป็นโจรกระชากสร้อยซะงั้น เผยกอดรัดฟัดเหวี่ยงชกต่อยกันน่วม เหยื่อโดนประแจเหล็กก็แล้ว ยังแข็งใจฮึดสู้ โชว์ศิลปะแม่ไม้มวยไทย
เมื่อวันที่ 3 ก.ย.62 ผู้สื่อข่าวรายงานภาพเหตุการณ์ขณะที่ นายนันทา ชูจันทร์ทอง อายุ 47 ปี เจ้าของร้าน “เจ เอ ไก่ย่างวิเชียรบุรี” ตั้งอยู่เลขที่ 253/5 ถนนเทิดพระเกียรติ หมู่ 2 ต.ปากนคร อ.เมืองนครศรีธรรมราช และชาวบ้านกำลังช่วยกันกดคร่อมร่างของคนร้าย ซึ่งได้รับบาดเจ็บ ทราบชื่อในเวลาต่อมา คือ นายปรีชา เมืองจร อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 390 หมู่ 10 ต.ท่าเรือ อ.เมืองนครศรีธรรมราช ในที่เกิดเหตุบนถนนวัดโบสถ์ หมู่ 2 ต.ปากนคร อ.เมืองนครศรีธรรมราช ตรวจค้นในตัวพบสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท พร้อมพระเลี่ยมทอง 1 องค์ ของกลางในคดีอยู่ในกระเป๋ากางเกง จึงยึดเป็นหลักฐาน
สืบเนื่องจาก เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา ขณะที่ ร.ต.อ.อภิรักษ์ จันทวิเศษ รองสวป.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช กำลังปฏิบัติหน้าที่ร้อยเวรป้องกันปราบปราม (ร้อยเวร 20) ได้รับแจ้งเหตุพยายามชิงทรัพย์ จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พบว่าผู้เสียหาย คือนายนันทา และพลเมืองดี กำลังล็อกตัวคนร้ายอยู่

...
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนายนันทา ขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้าง ยี่ห้อฮอนด้า สีน้ำตาล ไม่ติดป้ายทะเบียน กลับจากซื้อไก่สด ผัก วัตถุดิบ สำหรับประกอบอาหาร เพื่อนำมาใช้ในร้าน ที่ตลาดสดเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ต.ท่าวัง อ.เมืองนครศรีธรรมราช
ขณะที่กำลังขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้างมาถึงที่เกิดเหตุ เหลือระยะทางประมาณ 300 เมตร จะถึงร้าน ได้มีชายคนหนึ่งขี่รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ 125 สีดำ ทะเบียน 1 กภ 7914 นครศรีธรรมราช ตามหลังมา ได้กดแตรและขับมาเคียงข้าง พร้อมตะโกนบอกว่า ถุงผักที่นายนันทาใส่มาในรถพ่วงข้าง ร่วงตกลงบนถนน นายนันทาจึงจอดรถ เพื่อจะเดินลงไปเก็บผัก ซึ่งชายคนดังกล่าวได้จอดรถอยู่ด้านหลัง โดยนายนันทาได้ยกมือไหว้ชายคนดังกล่าว พร้อมกล่าวขอบคุณ
แต่ปรากฏว่าเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้เกิดขึ้น เมื่อชายคนดังกล่าว เงื้อประแจเหล็กขนาดเขื่อง ฟาดลงบนต้นคอของนายนันทา 1 ครั้ง ก่อนฟาดซ้ำเข้าที่กกหูอีกครั้ง จนนายนันทาทรุดลง ก่อนที่พลเมืองดีที่กลายสภาพเป็นคนร้าย จะเข้าประชิด กระชากสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท พร้อมพระเลี่ยมทองที่นายนันทาคล้องคออยู่
อย่างไรก็ตาม จังหวะนั้นนายนันทา ได้ฮึดเข้าต่อสู้พยายามแย่งสร้อยคอทองคำที่ขาดติดมือคนร้าย และคนร้ายได้เอาสร้อยใส่กระเป๋ากางเกงของตัวเองได้แล้ว เกิดการต่อสู้ชกต่อย กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันชุลมุน กระทั่งคนร้ายพลาดท่า ถูกนายนันทาใช้ความสามารถเฉพาะตัวล็อกร่างเอาไว้ได้ และกดคว่ำหน้าลงบนพื้น
จากนั้นนายนันทาได้ร้องตะโกน ขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านในย่านดังกล่าวที่ได้ยินเสียงร้อง พากันออกมาช่วยนายนันทา ควบคุมตัวคนร้ายเอาไว้ได้ในที่สุด โดยคนร้ายได้รับบาดเจ็บ มีแผลแตกที่หน้าผาก และเหนือกกหูซ้าย
ต่อมาภรรยาของนายนันทา ทราบเหตุจากชาวบ้าน ได้รุดมาที่เกิดเหตุ เมื่อทราบเรื่องและเห็นหน้าคนร้าย พร้อมยืนยันว่า รู้จักกับคนร้ายเป็นอย่างดี โดยนายปรีชาคนร้าย เป็นคนขับรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง อยู่วินหน้าตลาดสดเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ซึ่งปกติเกือบทุกวันตนจะเป็นคนขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้าง ออกจากร้านไปซื้อของที่ตลาด แต่วันนี้มีอาการปวดหลัง จึงให้สามีไปซื้อของแทน กระทั่งเกิดเรื่องและเหตุการณ์นี้ขึ้น
ในขณะเดียวกัน มีพลเมืองดีและชาวบ้านหลายราย ที่เห็นหน้านายปรีชา ยืนยันว่านายปรีชา คือคนขับรถจักรยานยนต์รับจ้างวินหน้าตลาดสดจริง ไม่นึกหรือคาดคิดว่า จะกลายเป็นคนร้ายไปได้ ส่วนอาสาสมัครประจำรถพยาบาลของหน่วยกู้ภัยนคร ที่มาช่วยปฐมพยาบาลคนร้ายที่บาดเจ็บเลือดโชก ระบุว่า แผลแตกที่หน้าผากและเหนือกกหูของนายปรีชา จะต้องเย็บแผล แผลละประมาณ 3 เข็ม รวมต้องเย็บแผลราว 6 เข็ม

ขณะที่นายนันทา ผู้เสียหายในคดีนี้ให้การกับตำรวจว่า การที่ตนสามารถรวบตัวคนร้ายได้ เนื่องจากในอดีตตนเคยเป็นนักมวยมาก่อน ตั้งแต่ช่วงวัยรุ่น โดยชกมวยเป็นอาชีพมานานกว่า 10 ปี ตระเวนชกไปเกือบทั่วประเทศ แม้จะถูกฟาดด้วยประแจได้รับบาดเจ็บ แต่อาศัยประสบการณ์จากการชกมวย ฮึดสู้และใช้วิชาแม่ไม้มวยไทยอัดกลับคนร้ายจนอยู่หมัด “โชคดีที่เป็นนักมวยเก่า ไม่งั้นคงแย่และเสร็จโจรแน่ๆ” นายนันทากล่าว
ตำรวจสอบสวนนายปรีชาเบื้องต้น ให้การรับสารภาพว่าก่อเหตุจริง เนื่องจากครอบครัวกำลังเดือดร้อนมีปัญหาวิกฤติด้านการเงินอย่างรุนแรง เจ้าหน้าที่นำตัวนายปรีชาหนุ่มใหญ่วินรถจักรยานยนต์รับจ้าง ที่กลายสภาพเป็นโจรรายนี้ ขึ้นรถสายตรวจนำตัวไปยัง รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช เพื่อให้แพทย์ตรวจร่างกายและรักษาพยาบาล โดย ร.ต.อ.อภิรักษ์ ได้ประสานพนักงานสอบสวนไปร่วมตรวจที่เกิดเหตุ และได้อายัดตัวนายปรีชาไว้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
...