จับรถฝ่าไฟแดงวันแรกพบผู้กระทำความผิดเกือบ 900 ราย มากสุดแยกรัชดา-พระราม 4 ตามด้วยแยกอโศก-เพชร และแยกตากสิน
เมื่อวันที่ 2 ก.ย.62 ที่ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร (บก.02) พ.ต.อ.กิตติ อริยานนท์ รอง ผบก.จร. เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มอบหมายให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) โดยกองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ในการปฏิบัติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจจับ ลดปัญหาการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และการโต้แย้งเผชิญหน้าระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ ด้วยโครงการตรวจจับรถฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร (Red Light Camera System) จำนวน 30 แห่ง เริ่มตั้งแต่ 1 ก.ย.62 ที่ผ่านมา พบว่า วันแรกที่เริ่มตรวจจับมีรถฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร รวม 868 ราย
ในจำนวนนี้พบว่า แยกรัชดา-พระราม 4 มีผู้ฝ่าฝืนมากที่สุดจำนวน 438 ราย คิดเป็น 50.46 รองลงมาที่แยกอโศก-เพชร จำนวน 78 ราย ร้อยละ 8.98 และแยกตากสิน 57 ราย ร้อยละ 6.56 ทั้งนี้จากการเปรียบเทียบกับวันที่ 31 ส.ค.62 ก่อนเริ่มตรวจจับอย่างจริงจัง พบผู้ฝ่าฝืนจำนวน 948 ราย ลดลงจำนวน 80 ราย คิดเป็นร้อยละ 8.43 รอง ผบก.จร.กล่าวว่า สำหรับรถที่ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร ทางศูนย์ควบคุม จะตรวจสอบความถูกต้องของทะเบียนรถ, ยี่ห้อ, รุ่น และสีของรถ หากถูกต้องครบถ้วน จะดำเนินการออกใบสั่งและส่งไปยังระบบ PTM (Police Ticket Management) ของธนาคารกรุงไทย เพื่อออกใบสั่งแบบอัตโนมัติ จากนั้นจะยืนยันความถูกต้องโดยเจ้าหน้าที่และผู้บังคับบัญชา เพื่อส่งไปยังผู้ครอบครองหรือเจ้าของรถภายใน 7 วัน
นอกจากนี้ เจ้าของหรือผู้ครอบครองรถ สามารถตรวจสอบความผิดย้อนหลังผ่านเว็บไซต์ URL หรือทางเว็บไซต์ บก.จร. www.trafficpolice.go.th ด้วยรหัสผ่านที่ระบุท้ายใบสั่งได้ โดยสามารถบันทึกข้อมูลของผู้กระทำผิดเก็บไว้ได้ไม่น้อยกว่า 1 ปี สำหรับความผิดดังกล่าวเป็นข้อหาฝ่าฝืนสัญญาไฟจราจร ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 22(2) ประกอบมาตรา 152 มีอัตราโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท ในเบื้องต้น บก.จร. จะทำการเปรียบเทียบปรับ 500 บาท โดยสามารถชำระค่าปรับผ่านเคาน์เตอร์และตู้ ATM ของ ธนาคารกรุงไทยทั่วประเทศ หรือผ่านบริการ KTB netBank หรือสถานที่ที่ระบุไว้ในใบสั่ง นอกจากนี้ยังอาจถูกตัดคะแนนอีกด้วย.
...