หนุ่มหัวร้อน แทงลุงคนขับแท็กซี่อ่วมถูกแจ้งข้อหาเพิ่ม “พยายามฆ่า” รวม 5 ข้อหา ตำรวจ สน.แสมดำ หิ้วฝากขังไม่ค้านประกันตัว ชี้หากเหยื่อไม่มีแบงก์ 20 บาทปึกใหญ่รับคมมีดไว้ อาจจะร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้

จากกรณี นายสิทธิชัย อุไร อายุ 27 ปี ช่างต่อเติมตกแต่งภายใน หนุ่มหัวร้อนที่ใช้อาวุธมีดแทงนายกิติพงษ์ มากจงดี อายุ 53 ปี คนขับแท็กซี่โตโยต้า อัลติส สีเขียวเหลีอง ทะเบียน 1 มก 8983 กรุงเทพมหานคร ก่อนทำร้ายร่างกายจนสลบคาถนนเลียบทางด่วนสะแกงาม ท้องที่ สน.แสมดำ ตามที่ปรากฏอยู่ในคลิปวิดีโอกล้องหน้ารถและเพจเฟซบุ๊กนำไปเผยแพร่ จนตำรวจและสังคมกดดันให้ นายสิทธิชัย เข้ามอบตัวกับตำรวจ เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (19 ส.ค.) ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้า เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 20 ส.ค.62 ที่ สน.แสมดำ พ.ต.อ.อำนาจ หาญชนะ ผกก.สน.แสมดำ กล่าวว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงพื้นที่เข้ากดดัน นายสิทธิชัย ผู้ต้องหาในคดีนี้ที่บ้านพักจนคนในครอบครัวเกลี้ยกล่อมให้ยอมมามอบตัวเพื่อรับทราบข้อหาทำร้ายร่างกาย, พกพาอาวุธมีดไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย และเป็นที่วิจารณ์ในสังคมว่าแจ้งข้อหาเบาไปหรือไม่นั้น จากการสอบปากคำพยานเหตุการณ์ และตัวผู้เสียหายแล้ว ทราบว่าหลังจากที่ผู้ต้องหาพยายามเอามีดแทงโชเฟอร์แท็กซี่ที่นั่งอยู่ในรถ ก่อนจะลงมาพูดคุยกันแล้วก็ชกต่อยโดยไม่ได้ใช้มีดทำร้ายร่างกายอีก

"ทำให้การกระทำของผู้ต้องหาเข้าข่ายทำร้ายร่างกายเท่านั้น แม้ความเห็นส่วนตัวและกระแสสังคมต้องการให้แจ้งข้อกล่าวหาพยายามฆ่าก็ตาม แต่ต่อจากนี้ในชั้นอัยการหากมีความเห็นควรให้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ก็จะส่งสำนวนกลับมาให้พนักงานสอบสวนทำสำนวนคดีส่งขึ้นไปใหม่ ยืนยันว่าตนจะไม่ให้ปรับแก้สำนวนเพื่อประโยชน์ของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดแน่นอน โดยในเวลา 14.00 น. ของวันนี้ จะนำตัวนายสิทธิชัย ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า เคเอสอาร์สีขาวดำคันดังกล่าวไปชี้จุดทำแผนที่ถนนบนถนนพระราม 2 เข้าเลียบทางด่วนสะแกงามต่อไป" พ.ต.อ.อำนาจ กล่าว

...

ด้าน นายสิทธิชัย ผู้ต้องหาซึ่งเดินทางมาให้ปากคำอีกครั้งและรอทำแผนประกอบคำรับสารภาพ กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุ ตนขับรถมอเตอร์ไซค์ตามแท็กซี่มา และช่วงจังหวะทางแคบ รถแท็กซี่เบี่ยงมาเลน 1 ส่วนตนอยู่เลน 2 ตนเห็นช่องว่าง ก็เลยแซงขึ้นมา หลังจากนั้นแท็กซี่คันดังกล่าวก็บีบแตรใส่ตน ตนก็ไม่เข้าใจว่าจะบีบทำไม ประกอบกับตนมีปัญหาทางครอบครัว ทางแม่ของตนโทรให้ตนรีบกลับบ้านจะพาพ่อไปหาหมอ ตอนนั้นก็มีความโกรธมาก จึงได้ขับรถไปประกบข้างขวา ทุบกระจกให้เขาจอด แต่แท็กซี่ไม่ยอมจอด ตนก็เลยแซงขึ้น แล้วเบรก จากนั้นแท็กซี่ก็ชนตน

"ด้วยความโกรธ ผมไปเคาะกระจกรถ พอแท็กซี่ลดกระจกมา ผมก็ใช้มีดเล็กแทงเข้าที่หน้าอก แต่พอผมเห็นหน้าคนขับแท็กซี่ว่าเป็นคนสูงอายุ ผมเลยยั้งมือทัน แล้วเปลี่ยนเป็นต่อยเข้าที่หน้าแทน จากนั้นก็มีการลงมาเจรจากัน ซึ่งผมก็ยังไม่ได้หายโกรธ ก็ไปต่อยเขาอีก ตอนนั้นไม่ได้ตั้งใจจะให้ลุงล้มลงไป ปกติแล้วผมไม่ได้พกมีด แต่วันนั้น พ่อกับแม่เอาผลไม้มาฝากแล้วที่บ้านเป็นบ้านใหม่ ไม่มีเครื่องครัว ผมจึงได้เอามีดจากบริษัทไป ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ผมยอมรับผิดทุกอย่าง ผมอารมณ์ร้อนแล้วไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เรื่องราวครั้งนี้ถือว่าเป็นบทเรียนในชีวิตมาก" นายสิทธิชัย กล่าว

ต่อมา เมื่อเวลา 14.40 น. พ.ต.อ.อำนาจ หาญชนะ ผกก.สน.แสมดำ เปิดเผยหลังสอบปากคำ นายสิทธิชัย อุไร อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาเพิ่มเติม ว่า หลังดูอาวุธมีดของกลางและพิจารณาตามลักษณะของอาวุธนั้น ประกอบกับจุดที่ผู้ต้องหาแทง ทางพนักงานสอบสวนเห็นตรงกันว่าอาวุธดังกล่าวสามารถทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้แทงซ้ำ ถ้าผู้เสียหายไม่มีธนบัตรในกระเป๋าเสื้อจำนวนมากก็อาจจะร้ายแรงกว่านี้ ถึงขั้นเสียชีวิตได้

ล่าสุดพนักงานสอบสวนจึงได้มีการแจ้งข้อกล่าวหา ทั้ง 5 ข้อหา ประกอบด้วย ข้อหา พยายามฆ่า, ทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ, ขับรถไม่คำนึงถึงความปลอดภัย, พกพาอาวุธมีดไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และขับรถไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และหลังจากนี้ จะเอาตัวไปขออำนาจจากศาลอาญาธนบุรี เพื่อฝากขัง เนื่องจากเป็นคดีที่มีอันตราโทษสูง แต่ทางพนักงานสอบสวนไม่คัดค้านการประกันเนื่องจากผู้ต้องหามามอบตัวเอง และไม่มีเจตนาหลบหนี ขณะเดียวกันผู้ต้องหา บอกว่าไม่ได้เจตนาฆ่า หากเขาต้องการฆ่า เขาต้องแทงซ้ำแล้ว แต่คำให้การของผู้ต้องหานั้นเป็นสิทธิ์ของเขา โดยทางเรายืนยันไม่มีการช่วยผู้ต้องหาแต่อย่างใด

ด้าน นายกิติพงษ์ มากจงดี อายุ 53 ปี ซึ่งเดินทางตามมาที่โรงพักภายหลัง กล่าวว่า หลังจากนี้สบายใจขึ้น เพราะตอนที่เกิดเหตุ เหตุการณ์มันเป็นในแนวพยายามฆ่าจริงๆ ซึ่งตนก็ได้พูดคุยกับผู้ต้องหาหลังจากที่ได้มายกมือขอโทษตนแล้ว ตนก็บอกให้อภัย แต่ถึงอย่างไรกฎหมายก็ต้องเป็นกฎหมาย คนทำผิดก็ต้องได้รับโทษ.