ตำรวจ สน.ชนะสงคราม ตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบเบาะแสสำคัญคนร้ายชิงเงินอุกอาจ ช็อตไฟฟ้า ค้อนทุบน่วม "แม่ค้าอาหารถนนข้าวสาร” สุดท้ายคว้าไป 4 หมื่น ที่ลานจอดรถกองสลากเก่า

จากกรณี นางอัมพรพรรณ แดงอุไร อายุ 54 ปี แม่ค้าขายอาหารบริเวณถนนข้าวสาร ถูกคนร้ายเป็นชายอายุประมาณ 40 ปี ผมสั้นเกรียน ใช้เครื่องช็อตไฟฟ้าเข้าจี้ ก่อนจะใช้ค้อนทุบบริเวณด้านหลัง และชกต่อยเข้าที่ใบหน้าหลายครั้ง โดยคนร้ายได้กระเป๋าคาดเอว ซึ่งภายในมีเงินสด 40,000 บาท ก่อนวิ่งหลบหนีไปทางถนนราชดำเนิน เหตุการณ์เกิดบริเวณลานจอดรถสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลแห่งเก่า ถนนราชดำเนินกลาง แขวงตลาดยอด เขตพระนคร กทม. เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 9 ส.ค.62 ที่ สน.ชนะสงคราม พล.ต.ต.เสนิต สำราญสำรวจกิจ ผบก.น.1 พร้อมด้วย พ.ต.อ.นครินทร์ สุคนธวิท รอง ผบก.น.1, พ.ต.อ.พาติกรณ์ ศรชัย ผกก.สน.ชนะสงคราม, พ.ต.อ.นริศ ปรารถนาพร ผกก.สส.บก.น.1, พ.ต.ท.ไตรรัตน์ เพ็งนู รอง ผกก.สส.สน.ชนะสงคราม ฝ่ายสืบสวน บก.น.1 และฝ่ายสืบสวน สน.ชนะสงคราม ร่วมกันประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีดังกล่าวนานกว่า 3 ชั่วโมง

ภายหลังการประชุม พล.ต.ต.เสนิต กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบกล้องวงจรปิดและสอบปากคำผู้เสียหาย รวมไปถึงพยานแวดล้อม เพื่อนำไปสู่การติดตามตัวคนร้าย โดยขณะนี้พอจะทราบตัวคนร้ายแล้วแต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เนื่องจากกลัวคนร้ายจะไหวตัวหลบหนีไป ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ทำงานก่อนเชื่อว่าจะมีข่าวดีเร็วๆ นี้

รายงานข่าวแจ้งว่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่าหลังเกิดเหตุคนร้ายไดัโบกรถแท็กซี่ สีชมพู มุ่งหน้าไปทางอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบทะเบียนรถแท็กซี่คันดังกล่าว เพื่อให้ผู้ขับขี่ที่รับคนร้ายไปมาให้ปากคำรูปพรรณสัณฐานของคนร้าย และไปส่งที่ใด

...

นอกจากนี้ กล้องวงจรปิดยังสามารถจับภาพบริเวณทางเข้าลานจอดรถ พบผู้ต้องสงสัย รูปพรรณสัณฐานเหมือนกับที่ผู้เสียหายให้การ คือ คนร้ายสวมชุดซาฟารี ผมเกรียน สูงประมาณ 165-170 ซม. ยืนอยู่คนเดียว

ซึ่งขณะนี้กำลังนำภาพที่ได้ให้ผู้เสียหายยืนยันว่าเป็นคนร้ายหรือไม่ แต่ด้วยสภาพของผู้เสียหายยังอยู่ในอาการเบลอจากฤทธิ์ยา หลังถูกคนร้าย ใช้เครื่องช็อตไฟฟ้าเข้าจี้ ถูกค้อนทุบเข้าที่หลัง และยังอยู่ในอาการหวาดผวา พักรักษาตัวอยู่ที่ รพ.หัวเฉียว หากอาการดีขึ้นและพร้อมในการ ทางพนักงานสอบสวนจะเดินทางไปทำการสอบปากคำ พร้อมนำภาพผู้ต้องสงสัยให้ผู้เสียหายชี้ทันทีว่าใช่คนร้ายหรือไม่ เพื่อจะได้ติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.