ครอบครัว 2 ผู้ต้องสงสัย “วางระเบิดหน้า สตช.” เดินทางขอเข้าเยี่ยมหลังถูกส่งตัวมายัง ศปก.ตร.สน.ในขณะที่มารดาของลูไอ เผย ขอให้ จนท.ดูแลความปลอดภัย ถูก-ผิด ให้เป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรม 

จากกรณีที่เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวชายวัยรุ่น 2 ราย ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุวางวัตถุระเบิดที่ด้านหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวได้บนรถโดยสารที่ จ.ชุมพร ขณะทั้ง 2 กำลังเดินทางกลับไปยัง จ.นราธิวาส ประกอบด้วย นายลูไอ แซแง อายุ 23 ปี ชาวบ้าน ตำบลรือเสาะออก อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส และ นายวิลดัน มาหะ อายุ 29 ปี ชาวบ้าน ตำบลสาวอ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ซึ่งล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้ส่งตัวผู้ต้องสงสัยทั้งสองราย มายังศูนย์พิทักษ์สันติ ศูนย์ปฎิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนหน้า อ.เมือง จ.ยะลา เพื่อสอบสวนขยายผล 

ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2562 มารดาและญาติของ ผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 ราย ได้เดินทางมายัง ศูนย์ปฎิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนหน้า อ.เมือง จ.ยะลา เพื่อขอเข้าเยี่ยมสองผู้ต้องสงสัยดังกล่าว

มารดาของนายลูไอ แซแง เปิดเผยว่า ในวันนี้ที่ตนเองเดินทางมาเพื่อขอพบลูกชาย ก็อยากจะทราบว่าปลอดภัยดีหรือไม่ ได้รับความเป็นธรรมหรือไม่ ซึ่งถ้าตนเองได้เจอหน้าลูก และลูกยังปลอดภัยก็หมดกังวล เรื่องที่บุตรชายกระทำความผิดหรือไม่นั้นก็ให้เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม แต่เนื่องจากตั้งแต่บุตรชายถูกควบคุมตัวเอาไว้ ก็ไม่สามารถติดต่อบุตรชายได้เลย วันนี้เป็นวันที่สี่แล้ว ตนเองทราบเรื่องว่าบุตรชายถูกจับกุมเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งในตอนแรกก็ไม่ทราบว่าถูกจับเรื่องอะไร แต่ทางกำนันโทรมาบอกว่าบุตรชายถูกจับ และก็มีเจ้าหน้าที่โทรมาบอกว่าถูกจับเพราะไปลอบวางระเบิดหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่กรุงเทพ 

...

“บุตรชายในช่วงหลังก็อยู่ที่บ้านตลอด เนื่องจากเพิ่งจะทำงานวิจัยเสร็จ เตรียมจะรับปริญญา ที่ไปกรุงเทพก็บอกตนว่าจะไปเที่ยว ตนก็อนุญาตให้ไป และตนเองก็อยากจะฝากเจ้าหน้าที่ให้ดูแลบุตรชายและเพื่อนเขา ให้ปลอดภัย อยากขอให้ความเป็นธรรม จะผิดจะถูก ก็ให้ว่าไปตามกฎหมาย อย่าให้มีการทำร้ายร่างกาย ตนเองก็ขอเท่านี้ ในส่วนหนึ่งก็รู้สึกสบายใจขึ้น เมื่อทราบว่าบุตรชายถูกควบคุมตัวอยู่ที่นี่ เนื่องจากก่อนหน้านี้ไม่ทราบเลยว่าถูกส่งตัวไปที่ไหน และเมื่อรู้ว่าอยู่ที่นี่ ตนเองและครอบครัวก็มีความสบายใจขึ้น และในช่วงบ่ายตนและครอบครัว ก็จะมาขอเข้าเยี่ยมอีกครั้ง” มารดาของนายลูไอ กล่าว.