โฆษก ปอท. แนะนำวิธีสังเกตข่าวปลอมบนโลกโซเชียลที่ส่งต่อๆ กัน ขอให้ตั้งสติคิดก่อนแชร์ ตรวจสอบข้อมูลกับหลายๆ เว็บไซต์สำนักข่าวที่น่าเชื่อถือ หากพลาดส่งไปแล้ว เมื่อรู้ตัวก็ควรรีบลบทิ้ง Unsend
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 5 ส.ค. ที่ บก.ปอท.(กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี) พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท.ในฐานะโฆษก บก.ปอท. กล่าวถึงการแพร่กระจายของข่าวปลอม (Fake News) ในเวลานี้ว่า ปัญหาข่าวปลอมที่จริงไม่ใช่เรื่องใหม่ ถือเป็นภัยคุกคามที่ทั่วโลกประสบปัญหาเช่นกัน จริงๆ แล้วเกิดจากพฤติกรรมของผู้ใช้สื่อโซเชียลเปลี่ยนไป จากเดิมที่ติดตามข่าวจากสำนักข่าวใหญ่ๆ ที่มีการคัดกรองข้อมูลข่าวในระดับหนึ่ง มาเป็นการอ่านข่าวจากห้องแชตในกลุ่มเพื่อน หรือ Feed ข่าวในสื่อโซเชียลต่างๆ แล้วเชื่อโดยไม่ทันตรวจสอบข้อมูล จากนั้นได้ส่งต่อข้อมูลซึ่งปัจจุบันทำได้โดยง่ายมาก แค่กดก๊อบปี้แล้ววาง ทำให้ข่าวปลอมแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว เว็บไซด์ข่าวปลอมก็พยายามหาวิธีการ เช่น ใช้ URL ที่คล้ายกับสำนักข่าวใหญ่ๆ เพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อ หรือมีการนำภาพในเหตุการณ์อื่นจาก google มาประกอบเพื่อให้ดูเหมือนจริง

...
ประเภทหลักๆ ของข่าวปลอมที่สร้างความสับสนในสังคม แบ่งออกได้
1.ความคึกคะนองของผู้เสพสื่อ (เกรียน) สร้าง Content แปลกๆ หวือหวา แล้วแพร่กระจาย
2.เพื่อหวังผลประโยชน์ตอบแทนเป็นตัวเงิน โดยจะใช้เหตุการณ์ที่ประชาชนกำลังให้ความสนใจแล้วนำบุคคลที่มีชื่อเสียง ดารา ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองมาประกอบข่าว โดยใช้ Caption หรือหัวข้อข่าวที่น่าตกใจ หลอกประชาชนให้เข้าไปกดอ่าน เขาก็จะได้ยอดวิว ซึ่งจะมีผลต่อตัวเงินรายได้ของเขา
3.ข่าวปลอมสร้างความขัดแย้งในสังคม หรือทำให้เกิดความเกลียดชัง (Hate Speech) เป็นขบวนการของฝ่ายเห็นต่างกันทางการเมือง พยายามหาข้อมูลที่เป็นเท็จโจมตีฝ่ายตรงข้าม
วิธีป้องกัน

1.ตั้งสติคิดก่อน อย่าเพิ่งเชื่อ ไม่งั้นอาจตกเป็นเครื่องมือของเขา คิดถึงความเป็นไปได้ ความสมเหตุสมผลของเนื้อหา
ตรวจสอบในเว็บไซต์สำนักข่าวหลักๆ ที่น่าเชื่อถือได้เปรียบเทียบหลายๆ แห่ง ว่ามีข่าวแบบเดียวกันหรือไม่
ตรวจสอบข้อมูลใน Google
ตรวจสอบกับเวลาของข่าว เพราะบางทีเป็นข่าวเก่าที่มีการเอามาแชร์ใหม่
ตรวจสอบกับเว็บไซต์ของหน่วยงานหรือทางราชการ
โฆษกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการยืนยันข้อมูลหรือไม่อย่างไร
2.ดูโฆษณาในเว็บไซต์ ข่าวปลอมจะเป็นโฆษณาที่ผิดกฎหมาย
3.บางเว็บไซต์มีมาตรการป้องกัน เช่น เฟซบุ๊กมีการใช้ระบบตรวจสอบข้อมูล สังเกตตัว i เล็กๆ ที่ด้านล่างของข่าว เมื่อกดจะมีข้อมูลของเว็บไซต์ของลิงก์ข่าว
4.เมื่อพลาดพลั้งส่งข่าวปลอม พอรู้ตัวแล้วควรจะลบทิ้ง เพื่อมิให้เกิดการแพร่กระจายข่าวปลอมต่อ

พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ยังได้ยกตัวอย่างข่าวปลอมให้เห็น เช่นเมื่อปลายสัปดาห์ก่อนที่ผ่านมาตรวจสอบพบว่ามีการส่งต่อข้อมูลว่า ทางการประกาศพื้นที่ควบคุมพิเศษ 7 แห่งทั่วกทม.นั้น ข้อเท็จจริงไม่มีการประกาศจากทางราชการแต่อย่างใด อันนี้เป็นการนำข้อมูลที่เป็นเท็จมาประกอบข่าวเหตุระเบิดจริงผสมกันไป พอคนอ่านแล้วทำให้เชื่อก็ส่งต่อทันที ซึ่งภายหลัง โฆษก กอ.รมน.ได้ออกมาแถลงว่าข่าวนั้นไม่ใช่ข่าวจริง ยังไม่มีการประกาศพื้นที่ควบคุมพิเศษใดๆ ทั้งสิ้น
รอง ผบก.ปอท.ในฐานะโฆษก บก.ปอท.กล่าวด้วยว่า แบบนี้แหละที่ถือว่าเป็นข่าวปลอม Fake News ซึ่งบางท่านหวังดี อยากให้พรรคพวกเพื่อนฝูงญาติพี่น้องทราบข่าวโดยเร็วจึงรีบส่งต่อทันที แต่อย่างไรก็ดี เมื่อมีการแถลงจากทางราชการแล้ว เป็นไปได้ก็ขอความกรุณาช่วยลบข้อมูลข่าวปลอมเหล่านั้นออก สำหรับผู้สูงวัยที่อาจจะไม่ทราบวิธีการลบ ก็ลองสอบถามลูกหลานดูวิธีการลบข้อความที่ส่งที่แชร์ต่อ เช่น แชร์ไปในกรุ๊ปไลน์แล้ว ให้เอานิ้วแตะแช่ที่ข้อความที่จะลบแล้วเลือก Unsend เป็นต้น อย่างไรก็ตามจะทำให้ข้อมูลข่าวปลอมเหล่านี้ออกไปนอกระบบไม่แพร่กระจายต่อไป.
...