รองโฆษก ตร. กรณีการควบคุมตัวของผู้ต้องสงสัย 2 รายที่พัวพันเหตุวางระเบิดป่วน กทม. ทาง จนท.คุมตัวสอบสวนได้ 7 วันเพื่อตรวจร่างกาย ซักถามสอบสวน โดยญาติสามารถติดต่อเยี่ยมได้ตามปกติ

เมื่อวันที่ 4 ส.ค. พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยถึงความคืบหน้า กรณีในห้วง 2-3 วันที่ผ่านมา เกี่ยวกับเหตุเกิดวัตถุเสียงดังคล้ายวัตถุระเบิดในพื้นที่ กทม. และพื้นที่ใกล้เคียง อีกทั้งมีประเด็นข่าวลือข้อสงสัยเกี่ยวกับกรณีการควบคุมตัวของผู้ต้องหา 2 รายนั้น ว่า ขอเรียนชี้แจงเพิ่มเติมว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่ทำการจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ตามหมายจับที่ศาลได้อนุมัติให้ตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และได้ให้อำนาจสามารควบคุมตัวไว้ได้จำนวน 7 วัน หลังจากจับกุมตัวได้นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการควบคุมตัวไปเพื่อทำการสืบสวนสอบสวนและขยายผลเป็นเวลาจำนวน 7 วัน วันที่ 2-8 ส.ค. โดยทั้ง 2 รายถูกควบคุมตัวไว้ตั้งแต่วันที่ 2 ส.ค.62 มีการตรวจร่างกาย และเข้าสู่กระบวนการซักถาม โดยในส่วนของสิทธิ์ผู้ต้องหาขั้นพื้นฐานที่จะได้รับการเยี่ยมของญาตินั้น บิดา/มารดา และภรรยา สามารถติดต่อเยี่ยมได้ตามปกติ โดยมีแนวทางการปฏิบัติในการเยี่ยมญาติจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

รองโฆษก ตร.กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กำชับมายัง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. มาโดยตลอด ให้ทำงานด้วยความเป็นมืออาชีพ ยึดหลักกฎหมายระเบียบข้อบังคับ สามารถตรวจสอบได้ และเป็นที่พึ่งของประชาชนได้อย่างแท้จริง โดย ผบ.ตร.ได้กำชับและสั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง สืบสวนสอบสวนด้วยความรวดเร็วโปร่งใส เป็นธรรม ยึดหลักกฎหมาย สิทธิขั้นพื้นฐานของผู้ต้องหาที่ควรได้รับ นำพยานหลักฐานในทางนิติวิทยาศาสตร์มาเชื่อมโยงถึงการกระทำความผิดเป็นสำคัญ เพื่อทำความจริงให้ปรากฏเกิดความเชื่อมั่น และตอบคำถามให้กับสังคมได้

...

รองโฆษก ตร.กล่าวด้วยว่า ผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 รายปลอดภัยดี ขณะนี้อยู่ภายใต้การดูแลของ จนท. ยืนยันได้รับสิทธิ์ของผู้ถูกซักถามตามปกติ และใช้มาตรฐานเดียวกันกับผู้ควบคุมรายอื่น เจ้าหน้าที่ได้ทำการควบคุมโดยปฏิบัติตามกรอบกฎหมาย และจัดให้ได้รับสิทธิ์ของผู้ถูกควบคุมตามปกติ ไม่ได้เป็นไปตามข่าวลืออื่นๆ ตามที่ปรากฏในโลกโซเชียลแต่อย่างใด ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ในการทำงาน ขอให้เชื่อมั่น และติดตามข่าวสารที่ถูกต้องจากทางราชการเท่านั้น พร้อมกันนี้หากประชาชนมีข้อมูลหรือเบาะแสที่เกี่ยวข้องก็สามารถโทรที่หมายเลขสายด่วน 191, 1599 ตลอด 24 ชม.