เสียงดังบึ้มสนั่นกลางกรุงระเบิดขึ้นหลายจุดทั่วพื้นที่กรุงเทพมหานครในช่วงเช้าวันที่ 2 ส.ค. บางจุดมีผู้ได้รับบาดเจ็บ และหลายจุดมีเสียงดังและระเบิดเพลิงเสียหาย สร้างความตื่นตกใจให้กับคนไทยทั้งประเทศ เป็นคำถามว่าเกิดอะไรขึ้น ประเทศไทยเพิ่งเลือกตั้งได้รัฐบาลมาบริหารประเทศ บ้านเมืองน่าจะสงบ เดินหน้าต่อไปได้

วันที่ 1 ส.ค. คนร้ายนำระเบิดมาวางด้านหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สร้างสถานการณ์ข่มขู่ เปิดหน้าเย้ยเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ทันข้ามคืนชุดสืบสวน บช.น.โชว์ฝีมือจับคนร้ายได้ทันทีขณะที่หลบหนีลงพื้นที่ภาคใต้เตรียมนำตัวมาแถลงข่าว พอเช้ารุ่งขึ้นมีเหตุระเบิดขึ้นหลายจุดทั่วกรุง

เหตุแบบนี้เกิดขึ้น บ้านเมืองไทยจะเป็นอย่างไร เกิดอะไรขึ้นกับงานด้านความมั่นคง

คงไม่ใช่ระเบิดสร้างสถานการณ์ธรรมดา ทุกจุดที่ระเบิดและถูกเก็บกู้ได้ทัน เกี่ยวข้องกับภารกิจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีข่าวยืนยันว่าจะเดินทางมาเป็นประธานประชุม ก.ตร.นัดแรก หลังจากประกาศตัวมากำกับดูแลงานของตำรวจด้วยตนเอง

...

ระเบิดแสวงเครื่องที่ศูนย์ราชการ และหน้ากองบัญชาการกองทัพไทย ที่ตั้งสถานที่ราชการสำคัญของไทย รูปแบบระเบิดคล้ายกับเหตุระเบิดที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ช่องนนทรี ระเบิดเพลิงที่ร้านขายจำหน่ายย่านราชเทวี เป็นเสมือนการส่งสัญญาณเตือนรัฐบาล

โดยเฉพาะเหตุระเบิดที่สถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรี ติดอาคารมหานคร แลนด์มาร์กแห่งใหม่ของเมืองไทย จะเกี่ยวข้องกับการประชุมคณะรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 52 ที่กำลังประชุมกันอยู่หรือไม่

เป็นคำถามที่มุ่งตรงไปยังรัฐบาล “ประยุทธ์ 2” ระเบิดที่เกิดขึ้นทำให้เศรษฐกิจถดถอย หุ้นลดฮวบลงกว่า 20 จุด นักลงทุนไม่กล้ามาลงทุน ไม่เกิดความเชื่อมั่น ถือเป็นข่าวทางลบที่ไม่ดีต่อประเทศแน่นอน รวมทั้งสถานการณ์ทางการเมืองที่มีข่าวออกมาว่าอาจจะมีการชุมนุมต่อต้านรัฐบาล

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งตรงให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เร่งสืบสวนจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดี ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ ขอเวลาเจ้าหน้าที่ตำรวจในการทำงานคลี่คลายคดี

สำหรับเหตุระเบิดป่วนกรุง ลูกแรกเย็นวันที่ 1 ส.ค. พบคนร้ายใส่เสื้อสีเหลืองนำระเบิดปลอมมาวางหน้าป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีการระบุระเบิดเชิงสัญลักษณ์หมายเลข 1-8 การวางระเบิดจุดนี้เกิดขึ้นหลังมีข่าว พล.อ.ประยุทธ์ จะเดินทางมาประชุม ก.ตร.นัดแรกที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. สั่งให้ พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.น. นำกำลังทีมสืบสวนจับกุมคนร้ายต้องสงสัยเป็น 2 วัยรุ่นชาวมุสลิม ขณะหลบหนีไปภาคใต้ อยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผล

ผู้ที่ก่อเหตุเป็นมุสลิมหัวรุนแรงที่ขึ้นมาจากพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ระเบิดลูกบอลที่เก็บกู้ได้ทั้ง 2 ลูกที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นงานที่ใช้ก่อเหตุในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ข้างลูกระเบิดที่เก็บกู้เขียนไว้ 5 และ 6 กำหนดเวลา 08.00 น. ก่อนระเบิดลูกอื่นๆที่วางไว้เริ่มทำงานระเบิดส่งเสียงดังสนั่นตามใบสั่ง

เวลา 08.50 น. วันที่ 2 ส.ค. เกิดเหตุระเบิดภายในซอยพระราม 9 57/1 มีเจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานครเขตสวนหลวงทำความสะอาดกวาดเศษใบไม้ 2 คนได้รับบาดเจ็บ คล้ายระเบิดปิงปอง เวลา 08.36 น. เกิดเหตุระเบิดใต้สถานีรถไฟฟ้า ช่องนนทรี และมหานครคิง เพาเวอร์บีทีเอส 2 ครั้ง มีผู้ได้รับบาดเจ็บรถยนต์เสียหาย เวลา 09.00 น. มีเสียงระเบิด 3 ครั้ง พุ่มไม้หน้าอาคารศูนย์ราชการอาคารบี มีระเบิด 4 ลูก ระเบิดไปแล้ว 3 ลูก

เวลา 05.01 น. เหตุเพลิงไหม้ร้านจำหน่ายเสื้อผ้าและกิฟต์ช็อป 4 จุด ย่านราชเทวี เพลิงลุกไหม้เสียหาย 60 ร้านค้า ซึ่งมีคนร้ายเข้ามาวางเพลิงหลายจุดในเวลาเดียวกัน

...

ไม่เพียงแค่ระเบิดแสวงเครื่อง ยังมีเหตุระเบิดเพลิงในพื้นที่แหล่งชุมชน สถานที่ราชการสำคัญ ใกล้เคียงกับเหตุระเบิดและเพลิงไหม้ป่วนเมืองที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อปี 2559 แผนประทุษกรรม “one day trip” คนร้ายขึ้นมาวางระเบิดวางเพลิง สร้างสถานการณ์ชนิดวันเดียวจบ ก่อนกลับเข้าพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

เหตุการณ์ป่วนเมืองครั้งนี้ คงไม่ใช่แค่การสร้างสถานการณ์ธรรมดา

น่าเชื่อว่า จะเป็นการวางแผนของฝ่ายที่ได้ประโยชน์จากการกระทำ ทั้งการวางระเบิด เหตุวางเพลิง ล้วนแต่เป็นแผนประทุษกรรมคล้ายกับการเกิดเหตุที่เกิดขึ้นปี 2559

แต่ในเหตุการณ์ครั้งนั้นยังไม่สามารถจับกุมตัวผู้บงการอยู่เบื้องหลังได้ จนถึงปัจจุบันนี้

หากพอจำได้เหตุคนร้ายวางระเบิดคล้ายกับแผนประทุษกรรมระเบิดหน้ารามคำแหง 43/1 เมื่อปี 2556 หรือไม่ คนร้ายได้เดินทางมาจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มาเช่าหอพักแถวรามคำแหงกว่า 1 เดือน วางแผนซื้ออุปกรณ์ชิ้นส่วนประกอบระเบิดเอง จุดที่วางมีคนประสานสั่งการอีกต่อแต่สาวไม่ถึงผู้ที่บงการ คนร้ายที่ก่อเหตุทำไปเพียงแค่ต้องการได้เป็นที่ยอมรับของสมาชิกในองค์กร

ตำรวจจับ “มือระเบิด” มาได้จริง แต่ไม่เปิดปากขยายถึงผู้จ้างคนบงการ

...

ชุดสืบสวนวิเคราะห์เหตุที่เกิดขึ้นเหตุเกิดไล่เลี่ยกันรวม 4 จุด รอบกรุงเทพฯ จุดแรกซอยพระรามเก้า 57/1 เกิดระเบิดขึ้น 1 ลูก จุดที่ 2 สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสช่องนนทรี เกิดระเบิดขึ้น 2 ลูก จุดที่ 3 สวนหย่อมหน้าอาคารบี ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เกิดระเบิดขึ้น 2 ลูก หน้าป้ายทางเข้ากองบัญชาการกองทัพไทย 1 ลูก กู้ได้ 1 ลูก รวมเฉพาะในศูนย์ราชการ พบระเบิดรวม 4 ลูก และจุดที่ 4 ซอยพระรามเก้า 57/1 อีก 1 ลูก

รวมทั้งเหตุเพลิงไหม้ย่านประตูน้ำเชื่อมโยงกัน มีส่วนคล้ายกับเหตุระเบิดป่วนเมืองที่ อ.หัวหิน ส่วนผู้ต้องสงสัย 2 ราย ที่คุมตัวได้หลังวางระเบิดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แผนประทุษกรรมคล้ายเหตุระเบิดหน้ารามคำแหง

จุดที่เกิดระเบิด เป็นส่วนราชการที่ตั้งหน่วยงานหลักด้านความมั่นคง ตำรวจ ทหาร ศาลและอัยการ เป็นหน่วยงานด้านกำลังที่น่าจะควบคุมป้องกันสถานที่ตั้งแน่นหนา ไม่น่าจะปล่อยให้เกิดเหตุง่ายๆ

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.เรียกประชุมชุดสืบสวน บอกสั้นๆว่า “เมื่อมีเหตุแล้วดำเนินการแก้ปัญหา ส่วนรายละเอียดการสืบสวนขอให้ตำรวจทำงานก่อน จะตั้งชุดเฉพาะกิจขึ้นมาทำงาน”

คงเป็นโจทย์ใหญ่ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่โดดมารับงานความมั่นคงด้วยตนเอง คุมทั้งทหาร ตำรวจ และดีเอสไอ ในการคลี่คลายสถานการณ์ที่เกิดขึ้น หากปล่อยเนิ่นนานล่าช้า ไม่มีผลดีต่อเศรษฐกิจของไทยแน่นอน ทั้งนักท่องเที่ยว นักลงทุน คงหายหมด

เป็นสถานการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นในรัฐบาล “ลุงตู่ 2” ในยุคที่ไม่มี ม.44 กับการจัดการปัญหาความมั่นคง ความไม่สงบในบ้านเมือง หากไม่รีบหาคำตอบ รัฐบาลตกที่นั่งลำบาก ประชาชนมีสิทธิที่จะคิด “ใครทำ ใครได้ประโยชน์จากเหตุการณ์ระเบิดป่วนกรุงครั้งนี้”

หากช้ารัฐบาลถูกการเมืองโยงเป็นแพะของคดีได้.

...

ทีมข่าวอาชญากรรม