สารวัตรแย้ ให้สัมภาษณ์เสี้ยงสะอื้น บอกเดินทางมาให้ปากคำกับตำรวจที่นครสวรรค์แล้ว เผยแต่มีอะไรที่ซับซ้อนมากกว่านี้ เชื่อเป็นขบวนการยาเสพติดหาทางกลั่นแกล้ง ไม่เกี่ยวกับตำรวจ ปส.ที่จับกุมแม่

จากกรณีที่ พ.ต.ท.พิเชษฐ เสาแบน หรือ สารวัตรแย้ สารวัตรกองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 2 จังหวัดเชียงใหม่ ได้ร้องขอความเป็นธรรมกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติดเข้าจับกุมมารดาของตนเองที่บ้านพักในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ขณะที่กำลังเซ็นรับพัสดุที่ส่งมาทางไปรษณีย์ภายในพบว่ามียาไอซ์และยาอีส่งมากับพัสดุดังกล่าวจนเป็นเหตุให้ทางเจ้าที่ตำรวจได้แสดงตัวเข้าจับกุมมารดาของตนเอง

ล่าสุดผู้สื่อข่าวเมื่อเวลา 11.00 วันที่ 25 มิ.ย.62 ผู้สื่อข่าวเชียงใหม่ได้เดินทางไปที่ กก.2 บก.ทท. จ.เชียงใหม่ ตั้งอยู่ใกล้ๆ 4 แยกหลุยส์ ถนนวงแหวนรอบกลาง ต.ต้นเปา อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นสถานที่ทำงาน พ.ต.ท.พิเชษฐ พบว่าเจ้าตัวนั้นยังไม่ได้มาทำงาน



พ.ต.ท.พิเชษฐ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์พร้อมกับเสียงสะอื้นน้ำตาคลอว่า ตอนนี้ได้เดินทางกลับนครสวรรค์ บ้านเกิดแล้วเพื่อเดินทางไปให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน จากนี้ก็จะได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และก็ได้มีการปรึกษาทนายเพื่อเตรียมดำเนินเรื่องตามกฎหมาย ยืนได้อีกว่าตนนั้นไม่ได้ถูกกลั่นแกล้งจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด ปส. เรื่องนี้นั้นมีอะไรที่ซับซ้อนมากกว่านี้ ส่วนตัวเองนั้นรู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้อะไรเป็นอะไร ซึ่งเป็นการถูกกลั่นแกล้งจากกลุ่มค้ายาเสพติดแน่นอน นอกจากวันนี้ผมจะไปให้การต่อพนักงานสอบสวนที่ นครสวรรค์แล้ว ผมกับคุณแม่ยังจะไปแจ้งความร้องทุกข์อีกด้วย แต่ตอนนี้ต้องขอปรึกษาทนายความก่อน 

...


เมื่อถามว่า สารวัตรจะร้องทุกข์ดำเนินคดีกับใคร สารวัตรแย้ กล่าวว่า ก็ร้องทุกข์ที่ผมโดนกลั่นแกล้ง คือข่าวที่ลงไปเหมือนกับว่าเจ้าหน้าที่เขากลั่นแกล้ง แต่จริงๆ แล้ว เคสนี้ผมรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ตำรวจและเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลยนะครับ แต่ว่า เหมือนว่า ป.ป.ส.เขารับข้อมูลมาผิดพลาด ไม่ตรวจสอบให้ชัดเจน แต่เขาอาจมีมูลส่วนหนึ่งที่เชื่อได้ว่า แต่ก็โทษที่เขาไม่ได้ แต่ผมก็รู้ว่าใครที่มันทำอะไรอยู่ ผมรู้ ผมรู้จริงๆ ผมเป็นต้นเรื่อง ผมรู้มูลเหตุ มีสาเหตุโกรธเคืองกับใคร มีอะไรอย่างไง ผมรู้นะครับแต่ผมไม่อยากพูด หากพูดไปกลัวจะเสียรูปคดี 

ต่อคำถามว่า สารวัตรรู้จักกับคนที่ส่งยาเสพติดมาให้หรือไม่ พ.ต.ท.พิเชษฐ กล่าวว่า ผมไม่รู้จักคนที่ส่งของเลยครับ แต่ผมรู้ว่าใครทำอะไร ผมถามว่าดูกล่องไปรษณีย์ก็แล้วกัน มีความเป็นไปได้ไหม กล่องที่ไม่มีตราประทับของไปรษณีย์ ผมอยากตั้งคำถามว่ารูปที่นำมาเแพร่ทางสื่อนี้ ด้านซ้ายมี 1 กล่อง ด้านขวามีอีก 1 กล่อง ทั้งหมด 3 กล่อง แล้วผมถามว่า ภาพถ่าย 3 กล่องไปรษณีย์ใครเป็นคนคนถ่าย โดยเฉพาะกล่องที่ไม่มีตราประทับ ปณ. และกล่องก็ไม่ยับ

"อยากถามว่าใครเป็นคนถ่ายกล่อง ปณ.ที่ยังไม่ประทับตรานี้ นอกจากเจ้าของยาเสพติด หรือคนส่ง คนถ่าย แล้วถ่ายรูปกล่อง ปณ.ที่ไม่มีตราประทับแล้วส่งไปให้ใคร เขาต้องถ่ายให้คนสั่งการแล้วรูปนี้มันโผล่ออกไปทางสื่อได้อย่างไร ถ้าผมเป็นคนสั่งยาเสพติด รูปถ่ายนี้มันต้องอยู่ที่ผม แต่ที่ผมไม่มี แสดงว่ามันต้องมีคนสั่งครับ แล้วมันก็เอารูปนี้ไปแจ้ง ป.ป.ส. ว่าจะมีของส่งมาที่ผม แล้วผมอยากถามว่า จนท.ป.ป.ส.จับ 6 จุด และมีข้อมูลจากจุดแรก มีแค่รูปเรื่องผมที่เดียวใช่ไหม ถ้าได้มีรูปเรื่องผมที่เดียวแล้วอีก 5 จุด ก็มีคนไปแจ้งที่ ไปรษณีย์ว่ามีการส่งของให้คนนี้ แต่เจตนาคือตั้งใจจะกลั่นแกล้งผมแน่นอน แต่ไม่ใช่เกี่ยวกับ ป.ป.ส.นะ แต่ผมหมายถึงเครือข่ายยาเสพติดชุดนี้ มันมีมูลเหตุ เพราะผมเคยโดยร้องเรียนและถูกสั่งขัง 7 วัน และเรื่องนี้มันเพิ่งผ่านมาได้ 2 เดือนเพิ่งจบ เพราะฉะนั้นการสั่งขังผม 7 วัน เขาต้องแจ้งให้ผู้ร้องทราบหรือแจ้งให้ขบวนการนี้ทราบ และขบวนการนี้ก็เล่นงานผมต่อเพราะผมรอดไง" สารวัตรแย้ กล่าว 

พ.ต.ท.พิเชษฐ กล่าวต่อว่า ตอนนี้สื่อมวลชนกลับไปตีข่าวทำนองว่า เป็นความผิดพลาดของ ป.ป.ส.อะไรทำนองนี้ คือ ตามข้อเท็จจริงเขาก็ทำไปตามอำนาจหน้าที่ที่ได้รับมาจากแหล่งข่าว แต่ผมไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะผมถูกกลั่นแกล้งจากเครือข่ายยาเสพติด ควรจะมาช่วยกันโจมตีเครือข่ายยาเสพติดว่ามันเป็นเครือข่ายไหน ไม่ใช่ไปโจมตีการทำงานของหน่วยงานของรัฐ เขาไม่พลาดหรอก จนท.ป.ป.ส.เขาก็มาทำงานของเขาตามปกติ ผมเป็นตำรวจทำไมผมจะไม่รู้ แต่ ป.ป.ส.ได้ข้อมูลมา ผมอยากถามว่ากลั่นกรองแค่ไหน หรือโดนมันหลอกอย่างงัย มันอาจจะหลอกว่ามีการหักหลังกันมา ถึงมีเหตุการณ์แบบนี้มาได้

...

สารวัตรแย้ กล่าวอีกว่า เพราะผมเป็นนักสืบผมก็รู้ว่า เส้นทางและวิธีการแบบไหน ผมถือว่าเป็นเคสแรกที่มีการกลั่นแกล้งตำรวจที่อย่างเห็นได้ชัด และเคสนี้มันเป็นเรื่องยาว และเป็นแผนประทุษกรรมเดิมๆของไอ้เครือข่ายนี้ เพราะมันเคยยัดยาให้กับหลายๆ คนซึ่งผมก็รู้ ผมก็ยังเคยเป็นเครื่องมือของมันเลย แต่โชคดีที่ผมรอด ผมขอสื่ออย่าไปโจมตีการทำงานของเจ้าหน้าที่หน่วยงานของรัฐ โดยเฉพาะโจมตีมาทางผมเยอะ ผมก็ไม่ชอบ มันต้องดูรายละเอียด มันยังมีอะไรอีกเยอะ ต้องแก้ไข ต้องตาม และต้องพิสูจน์กันครับ ไม่ใช่อยู่ดีๆ ก็มาใส่กันยับเลยครับมันทำให้จิตใจคนที่กำลังต่อสู้มันท้อครับเวลามาโดนแบบนี้ เมื่อคืนผมนอนกับแม่ แม่ผมร้องไห้เลย มันท้อครับ เรื่องนี้มันใหญ่อยู่แล้วครับผมอยากถามว่า ทำไมเรื่องนี้ข่าวออกเร็วมากผม

"ในเคสนี้เป็นการตรวจยึด ไม่ใช่การจับกุม ผมอยากถามว่าสื่อบางสื่อที่นำเสนอข่าวว่า มีการจับกุมแม่ผมไปเอาข้อมูลมาจากไหน แล้วคุณรู้ได้งัยว่า นายพิเชษฐ เป็นสารวัตร คนดังเมืองปากน้ำโพ ใครเป็นคนส่งข้อมูลนี้ให้ผู้สื่อข่าวแล้วมีรูป กล่องไปรษณีย์มาออกสื่อได้อย่างไร รูปที่เจ้าของยาเป็นคนถ่ายที่ไม่มีการประทับตรา ปณ.มาออกสื่อแล้ว ก็ข่าวนี้ออกมาจากไหน แล้วหากไม่ตามข้อมูลจาก ปณ.ไม่มีใครรู้หรอกว่าเขาจะนำจ่ายวันไหน งานนี้ก็ต้องมีคนเกาะติดตรวจสอบพัสดุไปรษีย์ ถ้าเป็นคนสั่งมันต้องรู้ว่า ตามแทร็คกิ้งว่าจะถูกนำไปจ่ายเมื่อไหร่ พี่หาจุดสังเกตและขอความเป็นธรรมให้ผมด้วย ผมก็ว่าเป็นเคสแรกในประเทศไทย ที่ตำรวจโดนยัดยา จากเครือข่ายยาเสพติด ตอนนี้ผมเตรียมตัวขอไปสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความจริงต่อไปครับ พ.ต.ท.พิเชษฐ กล่าวก่อนวางสายไป

ขณะที่ พล.ต.ท.ภาณุเดช บุญเรือง รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 กล่าวว่า จากการตรวจสอบ ประวัติของ ชายที่นำยาเสพติดไปส่งทางไปรษณีย์นั้น ไม่พบประวัติหรือเป็นเครือข่ายในสารบบบของแก๊งค้ายาเสพติดของ ตร.ภาค 5 แต่อย่างใด และเบื้องต้นได้ตรวจสอบไปที่ สภ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ ว่าตามที่ปรากฏคนที่มาส่งยาทางไปรษณีย์นั้น มีประวัติเคยต้องต้องโทษเคยถูกจับกุม ตามประวัติของ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นมีบ้างไหม ญาติมิตรพ่อแม่พี่น้องของเขาที่ ต.เปียงหลวง เคยถูกจับด้านยาเสพติดบ้างไหม

...

รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 กล่าวต่อว่า เท่าที่ตำรวจเราได้ ตรวจสอบบุคคลดังกล่าวที่แจ้ง บัตรประชาชนในการส่งของทาง ปณ.ที่เป็นข่าวว่า มีภูมิลำเนาอยู่ตำบลเปียงหลวง อำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ โดยในเบื้องต้นจากการตรวจสอบ กับทางผู้นำชุมชนแล้ว ทราบว่าบุคคลรายชื่อดังกล่าวได้ย้ายออกนอกพื้นที่ไป 4-5 ปีแล้ว แต่เพื่อความแน่ชัดจึงได้ให้เจ้าหน้าที่ลงไปในพื้นที่ไปตรวจสอบซ้ำให้ละเอียดอีกครั้ง เพราะพื้นที่โซนบ้านเปียงหลวง ภูลำเนาของชายดังกล่าวอยู่ติดกับชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน และเจ้าตัวก็เป็นคนชาติติพันธุ์ ไม่เป็นชาวจีนฮ่อหรือก็ชาวไทใหญ่

พล.ต.ท.ภาณุเดช กล่าวด้วยว่า ส่วนพื้นที่ ที่อาศัยของชายต้องสงสัยนั้นอยู่ติดชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน และเคยเป็นพื้นที่ที่ชนกลุ่มน้อยลักลอบนำเข้ายาเสพติด และปัจจุบันอำเภอเวียงแหง ก็เป็นหนึ่งใน 20 อำเภอ ใน 4 จังหวัด ของตำรวจภูธรภาค 5 ที่จะต้องเฝ้าดูเป็นพิเศษตามแผนเบ็ดเสร็จการแก้ปัญหายาเสพติดตามแนวชายแดน ซึ่งมีการเฝ้าระวังกันอย่างต่อเนื่อง.