กองปราบแถลงรวบ 6 ผู้ต้องหา ทำลอตเตอรี่ปลอม เนียนหลอกขายเหยื่อนำหวยเก๊ตัดต่อเลขขึ้นเงินรางวัล เสียหายแล้วกว่าครึ่งล้าน พบเป็นงานฝีมือสุดประณีต ใช้อุปกรณ์แบบบ้านๆ นั่งทำใบละ 2 ชั่วโมง
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 30 พ.ค. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. พ.ต.อ.สันติ ชัยนิรามัย พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.5 บก.ป. พ.ต.ท.อนุชา ศรีสำโรง รอง ผกก.5 บก.ป. พ.ต.ต.เกริก เสนาะสำเนียง พ.ต.ต.ฐิติวัสส์ แซมเขียว สว.กก.5 บก.ป. ร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาแก๊งปลอมลอตเตอรี่เพื่อนำไปขึ้นเงินรางวัล จำนวน 4 คน
ประกอบด้วย นายอดุลวิทย์ เทียมขุนทด อายุ 24 ปี ชาว จ.นครราชสีมา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดทองผาภูมิ และศาลจังหวัดกาญจนบุรี นายศิริวัฒน์ เทียมขุนทด อายุ 18 ปี ชาว จ.นครราชสีมา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดทองผาภูมิ นายสุระชัย แน่ประโคน อายุ 21 ปี ชาว จ.ศรีสะเกษ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดกาญจนบุรี ทั้งหมดถูกจับในข้อหาร่วมกันปลอม,ใช้เอกสารสิทธิปลอม และร่วมกันฉ้อโกง และจับกุม น.ส.นงเยาว์ จงจิตร์กลาง อายุ 50 ปี ชาว จ.นครราชสีมา
พร้อมของกลาง สลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 2 พ.ค.2562 ที่ยังไม่ถูกปลอมแปลงจำนวน 70 ใบ สลากกินแบ่งรัฐบาล งวดดังกล่าวที่กำลังอยู่ระหว่างปลอมแปลง จำนวน 19 ใบ และสลากกินแบ่งงวดเดียวกันที่ปลอมแปลงเสร็จสิ้นแล้วจำนวน 2 ใบ ใบมีดโกน แผ่นกระจกใส กล้องแว่นขยาย สีไม้ ทั้งหมดเป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการปลอมแปลง จับกุมนายอดุลวิทย์ ได้ที่ริมทางหลวงชนบท ต.ไทรงาม อ.บางเลน จ.นครปฐม ส่วนนายศิริวัฒน์ จับได้ที่ หน้าป้ายรถประจำทาง หน้าห้างสรรพสินค้าเมเจอร์รังสิต ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี นายสุระชัย จับกุมได้ที่ ริมคลองส่งน้ำบางพลี ต.บางปลา อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ และ น.ส.นงเยาว์ จับได้ที่ บ้านเลขที่ 1596/472 หมู่บ้านรินทร์ทอง ซ.8 ต.เทพารักษ์ อ.เมืองสมุทรปราการ
...
พล.ต.ต.จิรภพ กล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้ง 4 รายนี้ พร้อมกับพวกอีก 2 คนคือ นายลัดเกล้า มั่นธรรม อายุ 38 ปี ชาว จ.อ่างทอง และ นายเจนภพ พิมพิค่อ อายุ 21 ปี ชาว จ.นครราชสีมา ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมา จับกุมไปก่อนหน้านี้แล้ว ได้มีพฤติการณ์ร่วมกันปลอมแปลงสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือลอตเตอรี่ รางวัลต่างๆ เพื่อนำไปหลอกขายให้กับกลุ่มผู้เสียหาย ส่วนใหญ่เป็นแม่ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี ในราคาที่ถูกกว่าเงินรางวัลจริงประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ เมื่อผู้เสียหายเห็นว่าหากรับซื้อลอตเตอรี่ดังกล่าวแล้วนำไปขึ้นเงินจะได้รับเงินรางวัลส่วนต่างที่เหลือ จึงหลงเชื่อยอมจ่ายเงินซื้อลอตเตอรี่จากผู้ต้องหากลุ่มนี้ กระทั่งเมื่อนำลอตเตอรี่ไปขึ้นเงินรางวัลถึงทราบว่าเป็นลอตเตอรี่ที่ถูกปลอมขึ้นมา
จากการตรวจสอบพบว่าในช่วงเดือนมีนาคม ถึงเมษายน ที่ผ่านมา เฉพาะในพื้นที่ จ.กาญจนบุรีพื้นที่ก่อเหตุของผู้ต้องหากลุ่มนี้ ประกอบด้วยพื้นที่ สภ.ลาดหญ้า สภ.บ่อพลอย สภ.ห้วยกระเจา สภ.ไทรโยค พบว่ามีผู้เสียหายถูกหลอกและนำสลากกินแบ่งปลอม ไปขึ้นเงินรางวัลที่ 2 และ 4 รวม 6 ครั้ง สูญเงินไปกว่า 560,000 บาท อย่างไรก็ตามภายหลังทราบเรื่องได้มีการสั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมนำกำลังลงพื้นที่สืบหาเบาะแสผู้ต้องหาที่ยังอยู่ระหว่างการหลบหนี จนสามารถจับกุม นายอดุลวิทย์ นายศิริวัฒน์ นายสุระชัย เอาไว้ได้ ก่อนจะขยายผลไปติดตามจับกุม น.ส.นงเยาว์ พร้อมของกลางที่บ้านพักในภายหลัง
พล.ต.ต.จิรภพ กล่าวอีกว่า สำหรับรูปแบบวิธีการปลอมแปลงสลากกินแบ่งของผู้ต้องหากลุ่มนี้ เป็นการปลอมแปลงที่ค่อนข้างเฉพาะตัว เน้นการใช้งานฝีมือ มีการใช้ใบมีดโกนแกะลอกตัวหนังสือออกก่อนจะใช้สีไม้ระบายทับให้เหมือนจริง ผู้ที่ใช้วิธีดังกล่าวในการปลอมแปลงจำเป็นต้องมีความประณีตเป็นอย่างมาก แตกต่างจากรูปแบบทั่วไปที่จะใช้เทคโนโลยีเข้ามาก่อเหตุ อย่างไรก็ตามแม้วิธีการปลอมแปลงจะไม่ทันสมัยแต่ผลลัพธ์ที่ได้จากการปลอมแปลงของผู้ต้องหากลุ่มนี้ค่อนข้างที่จะเหมือนจริงเลยทีเดียว ซึ่งต้องใช้ความชำนาญพอสมควรในการวิเคราะห์ถึงจะทราบว่าเป็นลอตเตอรี่ที่ถูกปลอมขึ้นมา
นายณัฐสุทธิ์ จิ๋วเชื้อพันธ์ หัวหน้าสำนักกฎหมาย สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวว่า สำหรับลอตเตอรี่ดังกล่าวมีลักษณะใกล้เคียงกับสลากจริงมาก สังเกตจากตัวเลข อักษรไทยและอังกฤษมีความแนบเนียน แนะนำให้ผู้ซื้อ เปรียบเทียบกับสลากที่ออกในงวดนั้นๆ ตรวจดูลักษณะกระดาษ สังเกตสัญลักษณ์ตรานกวายุภักษ์ ทดสอบเส้นไหมในกระดาษด้วยแสงยูวีบนตัวเลข หากไม่เป็นรอยต่อเนื่องอาจเป็นสลากปลอม นอกจากนี้ ขอแนะนำให้เซ็นชื่อหลังสลากเพื่อยืนยันว่าเป็นของตนเองจริง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมา
ด้าน พ.ต.อ.เนติ กล่าวว่า ทั้งนี้จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 4 รายให้การรับสารภาพ ยอมรับว่า น.ส.นงเยาว์ จะเป็นผู้ปลอมแปลงลอตเตอรี่ทั้งหมดขึ้นมา แต่ละใบจะใช้เวลาในการปลอมแปลงให้เหมือนจริงใบละประมาณ 2 ชั่วโมง เมื่อเสร็จแล้วจะนำไปส่งมอบให้กับผู้ต้องหารายอื่นที่ร่วมขบวนการเดียวกันนำไปตระเวนหลอกขายให้กับผู้เสียหายก่อนจะนำเงินมาแบ่งกัน ทั้งนี้ยอมรับว่าก่อเหตุมาแล้วทั้ง 3 ครั้ง โดยที่ผ่านมา น.ส.นงเยาว์ จะเป็นผู้ได้รับส่วนแบ่งเยอะสุด ส่วนนายอดุลย์วิทย์และพวกที่เหลือที่ทำหน้าที่นำไปหลอกขายผู้เสียหาย จะได้รับส่วนแบ่งรวมกัน 120,000 บาท
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับ ก่อนนำตัวนายอดุลวิทย์ และ นายศิริวัฒน์ ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ นายสุระชัย ส่ง สภ.ห้วยกระเจา ส่วน น.ส.นงเยาว์ เป็นการจับกุมจากความผิดซึ่งหน้าพร้อมกับของกลาง เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าว ปลอมเอกสารสิทธิ ก่อนนำตัวส่งมกก.2 บก.ป. ดำเนินคดีต่อไป.