"บิ๊กอู๊ด" ผบช.สตม.คนใหม่ มอบนโยบายทำงานตรงไปตรงมา นึกถึงผลประโยชน์ชาติเป็นหลัก ป้องกันกลุ่มก่ออาชญากรรมข้ามชาติ ย้ำหัวหน้าส่วนแก้ไขปัญหาส่วยในองค์กร ลั่น "ถ้าหัวไม่ส่าย หางก็ไม่กระดิก"
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 22 เม.ย.62 ที่สโมสรตำรวจ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. มอบนโยบายแก่ข้าราชการตำรวจในสังกัด สตม. ระดับหัวหน้าด่านขึ้นไปร่วมรับฟังเพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติราชการตามหน้าที่ โดยทาง พล.ต.ท.สมพงษ์ กล่าวว่า สำหรับการมอบหมายนโยบายในครั้งนี้ เน้นในเรื่องการทำงานอย่างตรงไปตรงมาตามที่รัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนดไว้ โดยกำชับให้คำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก ทั้งในด้านความมั่นคงเพื่อป้องกันไม่ให้มีกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติเข้ามาในไทย และด้านการท่องเที่ยว ที่ต้องสร้างความสมดุลย์กัน เพราะหากเข้มงวดมากเกินไป อาจทำให้นักท่องเที่ยวลดลงได้ จึงต้องคัดกรองให้คนดีเข้ามา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงพระราชพิธีบรมราชาภิเษกที่จะถึงนี้ จะต้องเข้มงวด ไม่ให้มีอะไรกระทบได้เด็ดขาด
“ทางเราได้ประสานกับท้องที่และกองปราบปราม รวมถึงอินเตอร์โพล ซึ่งส่วนตัวแล้วไม่กังวล เพราะตำรวจ ตม.มีความรู้ความสามารถ นอกจากนี้ ยังพร้อมสานต่อนโยบายของผู้บัญชาการแต่ละท่านในทุกยุค โดย สตม.ล้วนมีการบริหารที่ดีอยู่แล้ว และยังดีอย่างต่อเนื่อง ตนเชื่อว่าผู้บัญชาการทุกคนล้วนคิดดี หากมีอะไรที่ขาดตกบกพร่อง จะพยายามแก้ไขให้ดีขึ้น”
พล.ต.ท.สมพงษ์ กล่าวต่อถึงเรื่องปัญหาการเรียกรับผลประโยชน์ภายในองค์กรนั้น เป็นที่รับทราบดี ซึ่งเราต้องช่วยกันแก้ไขเหมือนที่ผ่านมาในทุกสมัย ตนในฐานะผู้บังคับบัญชาจะทำให้ดีที่สุด ใครทำผิดว่าตามผิดตามระบบกฎหมายปกติ พร้อมสั่งกำชับให้หัวหน้าหน่วยดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาให้ดี หากหัวไม่ส่ายหางคงไม่กระดิก
...
นอกจากนี้ พล.ต.ท.สมพงษ์ ยังกล่าวถึงกรณีโลกโซเชียลแชร์เรื่องราวของคนไทยกว่า 300 ราย ถูกกักภายในด่าน ตม.ประเทศเกาหลีใต้ หลังเดินทางด้วยสายการบินราคาถูกแห่งหนึ่งแล้วติดด่านยกลำ ว่า ทางเราได้แลกเปลี่ยนข้อมูลกันระหว่าง ตม.เกาหลีใต้ อยู่ตลอด หากพบว่ามีบริษัทไหนหลอกประชาชนไปทำงานก็พร้อมจะดำเนินคดีกับบริษัทนั้น ทางเราจะอำนวยความสะดวกให้พี่น้องประชาชนที่ถูกปล่อยลอยแพ โดยสายการบินที่พาไป ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายตามระเบียบในการส่งตัวกลับ โดยที่ผ่านมา มีการประชุมอย่างต่อเนื่อง พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ พล.ต.ท.สมพงษ์ กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีที่พบศีรษะหญิงชาวไทยที่ประเทศโปรตุเกสว่า ทางผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สั่งการให้ประสานตำรวจโปรตุเกส เพื่อเร่งดำเนินการติดตามตัวผู้ที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดี
โดย พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบก.สส.สตม.) กล่าวว่า จากตรวจสอบพบเป็นศีรษะของ น.ส.นัชยา เจนจบ ที่หายไปจากที่พักตั้งแต่ปี 2561 ต่อมาสืบทราบว่า น.ส.สงาม สวาตะโกน เพื่อนร่วมงานคนไทยและอยู่ด้วยกันเป็นคนสุดท้าย ก่อนน.ส.นัชยา จะหายตัวไป ขณะนี้ตำรวจโปรตุเกสอยู่ระหว่างสอบปากคำอยู่ และจะรายงานมาที่สถานทูตไทยประจำประเทศโปรตุเกส
นอกจากนี้ยังสืบทราบว่า น.ส.สงาม มีสามีเป็นชาวปากีสถานนั้น ได้หายตัวไป จึงได้ทำการตรวจสอบข้อมูลชาวปากีสถานที่เข้ามาในประเทศไทยกว่า 523 คนว่ามีบุคคลใดเกี่ยวข้องกับ น.ส.สงาม บ้าง.