หนุ่มแสบวัย 40 หากินทางเป็นโจร ลักรถซีอาร์วีมาใช้เป็นพาหนะ อ้างเป็นตำรวจยศ ร.ต.ท. ตระเวนตบทรัพย์ พ่อค้าแม่ค้าลอตเตอรี่ที่ขายเกินราคา ไม่มีเงินสดก็เอาสลากที่ขายแทน  

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 1 เม.ย. ที่ สน.พลับพลาไชย 1 พ.ต.อ.ปิยะวัฒน์ บุญยืนอนันต์ รอง ผบก.น.6 พร้อมด้วย พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผกก.สน.พลับพลาไชย 1 พ.ต.ท.จักรพล บุนนาค รอง ผกก.สส.สน.พลับพลาไชย 1 พ.ต.ต.กฤษณ์ ลิ้มจำรูญ สว.สส.สน.พลับพลาไชย 1 และฝ่ายสืบสวน สน.พลับพลาไชย 1 ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายปรมินทร์ ศาสตร์สมบูรณ์ หรือโป้ย อายุ 40 ปี พร้อมของกลางเป็นรถยนต์ฮอนด้า ซีอาร์วี สีเทาดำ ทะเบียน 4 กฒ 7842 กรุงเทพมหานคร แผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ 3 แผ่น สลากกินแบ่งรัฐบาล 70 ใบ แผงแบบสะพายใส่สลากกินแบ่งรัฐบาล 1 แผง บัตรข้าราชการตำรวจปลอมชื่อ ร.ต.ท.ภาคิณ ลินปิตุภาค 1 ใบ กุญแจรถยนต์ 1 ดอก เสื้อแขนยาวสีเทาแบบมีหมวก 1 ตัว หมวกแก๊ปสีดำ 1 ใบ กระเป๋าสะพายข้างลายพราง 1 ใบ เอกสารเกี่ยวกับรถยนต์ 1 ชุด คอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง กระเป๋าสตางค์ 1 ใบ โดยจับกุมได้ที่บริเวณข้างวัดเทพศิรินทร์ ถนนพลับพลาไชย แขวงวัดเทพศิรินทร์ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ

พ.ต.อ.วิชิต กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 14 และ 15 มี.ค. มีผู้เสียหายจำนวน 2 ราย มาแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนว่า ขณะที่ขายสลากกินแบ่งรัฐบาลอยู่บริเวณหน้าวัดเทพศิรินทร์ ได้มีชายกลางคนแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอศ. พร้อมแสดงบัตรเจ้าหน้าที่ยศ ร.ต.ท. โดยกล่าวหาผู้เสียหายว่าจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา โดยนำธนบัตรที่ถ่ายเลขธนบัตรไว้มาแสดงเข้าล่อซื้อจับกุมอีกด้วย ก่อนจะนำตัวผู้เสียหายขึ้นรถฮอนด้า ซีอาร์วี สีเทาดำ พร้อมอ้างว่าจะนำตัวผู้เสียหายไปสอบปากคำที่ สน.พลับพลาไชย 1 ขณะอยู่ในรถผู้ต้องหาได้ใช้วาจาข่มขู่ให้ผู้เสียหายเกิดความกลัวว่าจะถูกจับและให้นำทรัพย์สินเป็นเงินสดมาแลกเปลี่ยนกับการไม่ถูกดำเนินคดี ผู้เสียหายทั้ง 2 รายเกิดความกลัว ทำให้ผู้เสียหายรายแรกได้มอบเงินสดให้จำนวน 10,000 บาท ส่วนรายที่สองไม่มีเงิน นายปรมินทร์จึงได้ยึดเอาสลากกินแบ่งรัฐบาลจำนวน 70 ใบ และปล่อยผู้เสียหายลงจากรถ จากนั้นผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พลับพลาไชย 1

...

พ.ต.อ.วิชิต กล่าวต่อว่า หลังรับแจ้งเหตุได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทำการสืบสวนกระทั่งเมื่อวันที่ 31 มี.ค. ได้วางแผนจับกุมผู้ต้องหา เนื่องจากลักษณะแผนประทุษกรรมของผู้ต้องหารายนี้มักจะลงมือกระทำความผิดในช่วงต้นเดือนและปลายเดือน จึงได้วางกำลังเพื่อตรวจสอบ จนพบบุคคลและยานพาหนะตามที่ได้รับแจ้งไว้ โดยนายปรมินทร์ได้ขับรถยนต์ฮอนด้า รุ่นซีอาร์วี ติดแผ่นป้ายทะเบียน 4 กฒ 7842 กรุงเทพมหานคร ทั้งด้านหน้าและหลัง มาจอดด้านหน้าวัดเทพศิรินทร์ ชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวเข้าทำการตรวจค้นและได้ขอตรวจสอบรถยนต์พบว่าเอกสารที่นายปรมินทร์นำมาแสดงเป็นเอกสารปลอม จึงได้ทำการประสานไปยังตำรวจ สน.หนองค้างพลู พบว่ารถมีการแจ้งหายจริงในพื้นที่ สน.หนองค้างพลู เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 2561 จากนั้นได้พาไปตรวจค้นห้องพักย่านบางแค พบแผ่นป้ายทะเบียนเพิ่มเติมอีก 5 แผ่น ซึ่ง 4 แผ่น (2 คัน) มีการแจ้งหายไว้ โดยผู้ต้องหาจะใช้สลับไปมาในการก่อเหตุกรรโชกทรัพย์ในพื้นที่ สน.พลับพลาไชย 1 

จากการสอบสวบ นายปรมินทร์ให้การรับสารภาพว่า ตนได้กระทำการดังกล่าวจริง ซึ่งทำมาประมาณ 2-3 ครั้ง จะตระเวนก่อเหตุช่วงต้นเดือนและกลางเดือนที่มีการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลและงวดนั้นๆ กำลังจะออก ซึ่งเลือกเหยื่อเป็นพ่อค้าแม่ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลที่เดินเร่ขาย ส่วนเงินที่ลงมือก่อเหตุได้มาจะนำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ส่วนวิธีการเข้าก่อเหตุหรือวิธีการเข้าจับกุมนั้นตนได้ศึกษาจากอินเทอร์เน็ต

จากการตรวจสอบการก่อเหตุข้างต้นพบว่า เมื่อวันที่ 6 พ.ค.2561 นายปรมินทร์ได้ก่อเหตุลักทรัพย์รถยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีอาร์วี ทะเบียน 4 กอ 1405 กรุงเทพมหานคร (ซึ่งเป็นทะเบียนจริง) บริเวณร้านคาร์แคร์ ในห้างบิ๊กซีเพชรเกษม พื้นที่ สน.หนองค้างพลู จากนั้นวันที่ 7 พ.ค.2561 นายปรมินทร์ ได้ขโมยแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์โดยใช้วิธีงัดป้ายทะเบียนจากตัวรถยนต์ที่จอดอยู่ริมถนนข้างวัดคณิกาผล แขวงและเขตป้อมปราบ กรุงเทพฯ ในพื้นที่ สน.พลับพลาไชย 1 จากนั้นนายปรมินทร์ได้นำรถยนต์ติดป้ายทะเบียนรถคันอื่นที่ได้ขโมยมาก่อเหตุกรรโชกทรัพย์แม่ค้าลอตเตอรี่ในพื้นที่ต่างๆ เช่น สน.โชคชัย สน.หนองค้างพลู และ สน.พลับพลาไชย 1 ก่อนจะถูกจับกุมตัวได้ดังกล่าว

พ.ต.อ.ปิยะวัฒน์ กล่าวว่า ฝากเตือนผู้ค้าไม่ควรจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคาที่กำหนดไว้ เพราะอาจเป็นช่องให้เหล่ามิจฉาชีพฉวยโอกาสมากรรโชกทรัพย์ได้ และหากถูกกระทำในลักษณะดังกล่าว หากเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริงจะต้องแสดงบัตรยืนยันตัวเจ้าพนักงานได้ และหากไม่มั่นใจว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือไม่สามารถตรวจสอบได้ผ่านเว็บไซต์ตรวจสอบชื่อตำรวจ www.thaipolice.net 

เบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพเจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาลักทรัพย์ และรับของโจร (สน.หนองค้างพลู) และแจ้งข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว, กรรโชกทรัพย์ และข้อหาปลอมแปลงเอกสารราชการ (สน.พลับพลาไชย 1) ส่วนเรื่องป้ายทะเบียนที่ขโมยมามีผู้เสียหายบางรายได้แจ้งความหายไว้เตรียมแจ้งข้อหา "ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน" เพิ่มเติมต่อไป.