ตรวจจุดเกิดเหตุ สังหาร "ผู้กองจอมแฉ" ร.ต.อ.วัชรินทร์ เบญจทศวรรษ สิ้นชีพในวัย 48 ปี พบมือปืนขับรถเก๋งสีดำตามหลัง ลงมากระหน่ำยิง 5 นัด ขณะจอดรถหน้าบ้าน พบผู้ตายร่วมกลุ่มทนายอาสา ออกช่วยเหลือทางคดีกับผู้เสียหาย
จากเหตุการณ์ เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 19 มี.ค. พ.ต.อ.จำลอง สุวลักษณ์ ผกก.สภ.เมืองสงขลา ได้รับแจ้งเกิดเหตุยิงกันที่หน้าบ้านเลขที่ 154/39 ถนนประสานมิตร ซอย 2 ต.เขารูปช้าง อ.เมือง จ.สงขลา
ที่เกิดเหตุพบผู้ที่ถูกยิงทราบชื่อ ร.ต.อ.วัชรินทร์ เบญจทศวรรษ อายุ 48 ปี อดีตรองสารวัตรกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธร จ.สงขลา ถูกคนร้ายบุกยิงภายในรถเก๋งโตโยต้า วีออส สีขาว หมายเลขทะเบียน ขง 9558 สงขลา ขณะขับรถมาจอดที่หน้าบ้านพัก โดยถูกยิงด้วยอาวุธพกสั้นเข้าบริเวณลำตัวและคาง รวม 3 นัด ขณะที่ยังนั่งอยู่ภายในรถ โดยมีรอยกระสุนปืน 3 รูที่ประตูรถฝั่งคนขับ หน่วยกู้ภัยพยายามปั๊มหัวใจช่วยชีวิตและรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลสงขลา แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา
ส่วนเบาะแสของคนร้ายคาดว่ามี 2 คนขับรถเก๋งโตโยต้า วีออส สีดำ ทะเบียน 2515 ไม่ทราบหมวดอักษรและจังหวัด โดยขับตามรถของ ร.ต.อ.วัชรินทร์ มาห่างๆ เมื่อมาจอดหน้าบ้านคนร้ายได้เดินลงมายิง และรีบวิ่งขึ้นรถขับหลบหนีไป
ขณะที่สาเหตุยังไม่มีใครออกมายืนยัน แต่น่าจะมีสาเหตุมาจากการที่ ร.ต.อ.วัชรินทร์ ร่วมกับกลุ่มทนายอาสา ออกมาช่วยเหลือทางคดีอาญาให้กับผู้เสียหายที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากคดีต่างๆ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับตำรวจ รวมทั้งยังไลฟ์สดผ่านเพจของตัวเองแฉพฤติกรรมของตำรวจที่ตั้งด่านรีดไถ หรือตรวจปัสสาวะยัดข้อหา รวมถึงคดีอื่นๆ ที่ตำรวจเข้าข่ายกระทำผิดทั้งพฤติกรรมส่วนตัวและในหน้าที่การงาน
ล่าสุด ทางเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 9 และเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดของตำรวจภูธร จ.สงขลา ได้เข้าเคลียร์พื้นที่และเก็บหลักฐานบริเวณจุดเกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง เบื้องต้นพบว่าคนร้ายกระหน่ำยิง 5 นัด กระสุนเข้าประตู 2 นัด และเข้ากระจกฝั่งคนนั่ง 3 นัด ห่างจากจุดที่รถไหลถอยหลังมาประมาณ 10 เมตร แต่ไม่พบปลอกกระสุนในที่เกิดเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้รื้อประตูฝั่งคนขับเพื่อค้นหาร่องรอยของหัวกระสุนภายในรถ และบริเวณโดยรอบที่เป็นแนววิถีกระสุนเพื่อใช้เป็นหลักฐานในคดี
...
รวมทั้งได้จำลองเหตุการณ์ขณะคนร้ายลงมือก่อเหตุ จากคำบอกเล่าของพยาน ตั้งแต่ ผู้กองวัชรินทร์ ขับรถเก๋งมาจอด และคนร้ายขับรถเก๋งตามมาแล้วลงมายิงเพื่อสรุปเหตุการณ์ทั้งหมด รวมทั้งจัดทีมสืบสวนเพื่อแกะรอยภาพจากกล้องวงจรปิดทั้งเส้นทางที่ ร.ต.อ.วัชรินทร์ ขับรถกลับมา และเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายขับรถหลบหนี
ในส่วนของสาเหตุ ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนญาติพี่น้องรวมทั้งผู้ใกล้ชิดว่า มาจากสาเหตุใด ทั้งเรื่องคดีความที่ฟ้องร้อง และเรื่องส่วนตัวอื่นๆ ซึ่งตำรวจยังไม่ฟันธงหรือตัดประเด็นใดประเด็นหนึ่งทิ้งไป