ตร.เมืองกาฬสินธุ์ตามหาวุ่นนาน 8 เดือน สุดท้ายรวบแล้ว “โอปอ” เหยื่อสาวโดนอุ้มและผู้ต้องหาคดียาบ้า คาบ้าน แฉสับขาหลอก จนท. ปล่อยข่าวลวง หนีอยู่นอกประเทศ หิ้วฝากขังทันที ค้านประกัน

เมื่อวันที่ 14 มี.ค.62 ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ (บก.ภ.จว.กาฬสินธุ์) พล.ต.ต.ทินณะรัตน์ เพ็ชรพันธ์ศรี ผบก.ภ.จ.กาฬสินธุ์ พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ร่วมแถลงข่าวการจับกุม น.ส.ประภาพรรณ ภูอุทา หรือโอปอ อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ที่ จ.251/2561 ลง 20 ก.ค.2561 ข้อหา “หลบหนีไประหว่างที่ถูกคุมขังตามอำนาจของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา” และหมายจับศาลจังหวัดมหาสารคามที่ จ.164/2561 ลง 21 ส.ค.2561 ข้อหา ”ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย” โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 69 ม.4 ต.นาเชือก อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ขณะที่ผู้ต้องหากลับมาที่บ้านเมื่อช่วงคืนที่ผ่านมา

พล.ต.ต.ทินณะรัตน์ เพ็ชรพันธ์ศรี ผบก.ภ.จ.กาฬสินธุ์ เปิดเผยว่า สำหรับ น.ส.ประภาพรรณ ภูอุทา หรือโอปอ ได้ตกเป็นข่าวถูกคนร้ายขับรถปาดหน้าแล้วฉุดขึ้นรถไปเรียกค่าไถ่ ที่บริเวณหน้าจวนผู้ว่าในเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2561 โดยเจ้าหน้าที่ทำการจับกุมผู้ก่อเหตุได้ 5 คน ซึ่งจากการสอบสวนพบว่าไม่ใช่การเรียกค่าไถ่ แต่เป็นการทวงหนี้ยา ซึ่งจากข้อมูลทราบว่าตำรวจได้ไปที่ห้องพักของ น.ส.ประภาพรรณและเพื่อน ปรากฏไปพบยาบ้าจำนวน 4,000 เม็ด ในท้องที่ สภ.เมืองมหาสารคาม

จากนั้นเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2561 น.ส.ประภาพรรณ หรือโอปอ ได้ขอความเป็นธรรมกับนายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ หลังจากที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีค้ายาบ้า ตามหมายจับศาลจังหวัดมหาสารคาม เลขที่ 142/2561 ลงวันที่ 16 กรกฎาคม 2561 ซึ่งภายหลังพบว่า ทางผู้ว่าฯ นำข้อมูลที่ น.ส.ประภาพรรณ ร้องขอความเป็นธรรม ยื่นกับทางกับศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดแล้ว จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวมาเพื่อทำบันทึกจับกุม และส่งตัวไปที่ สภ.เมืองมหาสารคาม

...

และเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2561 พบว่า น.ส.ประภาพรรณ ภูอุทา หรือโอปอ ผู้เสียหายในคดีเรียกค่าไถ่ และผู้ต้องหาคดีค้ายาบ้า ตามหมายศาลจังหวัดมหาสารคาม ได้ล่องหนหายตัวไปอย่างลึกลับ ระหว่างที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ และตำรวจชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ รับตัวออกจากศูนย์ดำรงธรรม ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ส่งชุดออกติดตามหาตัวทั้งในตัวจังหวัด ต่างจังหวัด และประเทศฝั่งเพื่อนบ้าน แต่ก็ยังไม่พบว่า น.ส.ประภาพรรณ ได้ไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่ใด ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังคงติดตามตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผ่านไปประมาณ 8 เดือนแล้ว โดยทราบว่า น.ส.ประภาพรรณ ได้ปล่อยข่าวลวงว่าได้หลบหนีอยู่นอกประเทศ แต่แท้ที่จริงแล้วได้หลบหนีอยู่ในพื้นที่

ล่าสุดเมื่อช่วงคืนของวันที่ 13 มีนาคม 2562 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ได้รับแจ้งจากสายข่าวว่า น.ส.ประภาพรรณ ได้เดินทางกลับมาที่บ้าน ทางเจ้าหน้าที่จึงลงพื้นที่ดักซุ่มจนมั่นใจว่าเป็น น.ส.ประภาพรรณ จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการควบคุมตัวที่บริเวณหน้าบ้าน และนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดี

จากการสอบถามเบื้องต้นทราบว่า ผู้ต้องหาได้หลบหนีอยู่ภายในประเทศ ไม่ได้หลบหนีออกนอกประเทศแต่อย่างใด โดยช่วงที่หลบหนีจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ อาศัยจังหวะขณะที่ตำรวจเผลอได้เดินหลบหนีไป โดยไม่ได้บอกว่าให้น้องชายมารับแต่อย่างใด ส่วนกรณีที่ตกเป็นผู้เสียหายในการถูกลักพาตัวไป ก็ต้องสอบสวนดำเนินคดีต่อไป ต้องแยกเป็นสองคดี คือเรื่องของการลักพาตัว และเรื่องของยาเสพติด เป็นเรื่องต่างกรรมต่างวาระ โดยหลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่จะได้นำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังที่ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ และจะได้คัดค้านการประกันตัว และจะได้แจ้งกลับไปที่ สภ.เมืองมหาสารคามต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้ พล.ต.ท.สุรชัย ควรเดชะคุปต์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ได้มีคำสั่งคาดโทษตำรวจชุดจับกุม รวมถึงนายตำรวจผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด หากไม่สามารถตามตัวมาดำเนินคดีได้ภายใน 7 วัน.