ลูกชายวัย 17 โร่ร้องกองปราบปราม ตามคดีพ่อถูกรถบรรทุกแก๊สชนแล้วหนี ก่อนถูกเก๋งวิ่งตามมาทับจนเสียชีวิต เผยผ่านมากว่า 9 เดือนไร้ความคืบหน้าใดๆ ติดต่อ สภ.เมืองราชบุรี เจ้าของคดีก็ไม่รับโทรศัพท์

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 21 ก.พ.62 ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) น.ส.สุทาดา หมื่นอร่าม อายุ 50 ปี พร้อมด้วย นายอัครวัฒน์ หรือ ต๊ะ หมื่นอร่าม อายุ 17 ปี บุตรชายของนายประกอบ หมื่นอร่าม ผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุถูกรถบรรทุกแก๊สชนจนเสียชีวิตเหตุเกิดในพื้นที่ สภ.เมืองราชบุรี เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.อดิศักดิ์ ละม่อน สว.(สอบสวน) กก.5 บก.ป. เพื่อร้องขอความเป็นธรรมหลังเวลาล่วงเลยมากว่า 9 เดือน แต่กลับไม่มีความคืบหน้าในการติดตามตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

พร้อมนำหลักฐานต่างๆ เป็นภาพจากกล้องวงจรปิดในบริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุและอุปกรณ์บังโคลนรถคู่กรณีที่ตกในที่เกิดเหตุ รวมถึงกระจกกันลมหน้ารถของผู้เสียชีวิตที่ตกในที่เกิดเหตุมามอบไว้เพื่อประกอบการพิจารณา

น.ส.สุทาดา กล่าวว่า เมื่อตอน 03.00 น.วันที่ 6 พ.ค. 2561 นายประกอบได้ขี่รถจักรยานยนต์มีเพื่อนชายอีกคนนั่งซ้อนท้ายขี่มาบนเส้นทาง ถ.เพชรเกษม จนถึงบริเวณหน้าร้านข้าวแกงทิพย์มนต์ทรา พื้นที่ ต.สามเรือน อ.เมืองราชบุรี ได้ถูกรถบรรทุกแก๊สของบริษัทแห่งหนึ่ง เฉี่ยวชนจนร่างของนายประกอบกระเด็นไปนอนสลบแน่นิ่งอยู่กลางถนน ก่อนที่จะถูกรถเก๋งที่ขับตามหลังมาเหยียบทับร่างจนเสียชีวิต ส่วนเพื่อนที่นั่งซ้อนท้ายกระเด็นตกข้างทางได้รับบาดเจ็บนิดหน่อย หลังเกิดเหตุรถบรรทุกแก๊สได้อาศัยจังหวะชุลมุนขับรถหลบหนีไป อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบแผ่นป้ายของบริษัทแก๊สตกอยู่ในที่เกิดเหตุ

น.ส.สุทาดา กล่าวต่อว่า ครอบครัวจึงได้เข้าแจ้งความกับ สภ.เมืองราชบุรี พร้อมนำหลักฐานเป็นแผ่นป้ายของบริษัท และภาพวงจรปิดในพื้นที่ใกล้เคียงไปมอบไว้ให้กับตำรวจเพื่อตามตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี โดยโรงพักได้ส่งหนังสือไปยังบริษัทดังกล่าวถึง 2 ฉบับ แต่กลับไม่มีความคืบหน้า และเมื่อตนได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อไปหาพนักงานสอบสวนที่รับแจ้งความเพื่อสอบถามเรื่องราว กลับไม่รับสายแต่อย่างใด ทั้งนี้อีก 2-3 เดือนจะครบรอบ 1 ปีแล้ว ที่ผ่านมามีเพียงเจ้าของรถเก๋ง คู่กรณีอีกรายเท่านั้นที่ยอมจ่ายเงินชดเชยและเงินเยียวยาให้กับครอบครัวของนายประกอบ 1 แสนบาท

...

ขณะที่คู่กรณีอีกราย คือรถบรรทุกแก๊สยังคงลอยนวล ไร้การเหลียวแลและไม่ถูกดำเนินคดีแต่อย่างใด จึงได้ตัดสินใจนำเรื่องดังกล่าวมาเข้าร้องเรียนกับทางกอบปราบในวันนี้

"ผลกระทบจากเรื่องราวที่เกิดขึ้น ตอนนี้ตกอยู่ที่น้องต๊ะเพียงคนเดียว เพราะปกติแล้ว นายประกอบ จะใช้ชีวิตอยู่กับ นายอัครวัฒน์ หรือ น้องต๊ะ บุตรชายกันเพียงสองคน แต่เมือนายประกอบได้เสียชีวิต ทำให้ น้องต๊ะ ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก เพราะยังเป็นเพียงเด็กวัยรุ่นและยังเรียนหนังสืออยู่" น.ส. สุทาดา กล่าว

เบื้องต้น พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำพร้อมตรวจสอบหลักฐานเบื้องต้น ก่อนส่งเรื่องประสานไปยังพนักงานสอบสวน สภ.เมืองราชบุรี ให้ช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดีดังกล่าวต่อไป.