พ่อแม่สาวจีนที่ถูกสามีลวงมาฆ่าในสระน้ำโรงแรมหรูริมหาดกมลา ภูเก็ต มั่นใจลูกเขยวางแผนฆ่าเอาประกันชัดเจน ขอศาลประหารชีวิตสถานเดียว พบมีปลอมลายเซ็นของลูกสาวไปทำประกันไว้กว่า 10 ฉบับ...
จากกรณีเมื่อวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา นางจาง เจีย อายุ 29 ปี สัญชาติจีน พร้อมนายจาง ยี่ฟาน อายุ 31 ปี สามีร่วมชาติ และบุตรสาว ได้เดินทางมาพักที่โรงแรมหรูแห่งหนึ่งริมหาดกมลา ต.กมลา อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ต่อมาเวลา 20.50 น. ของวันเดียวกัน นายจาง สามี ได้โทรขอความช่วยเหลือกับเจ้าหน้าที่ของโรงแรม เพื่อขอแพทย์และช่วยนำภรรยาส่ง รพ. แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึง พบว่านางจางสวมชุดว่ายน้ำนอนแน่นิ่งอยู่ข้างสระน้ำ สภาพร่างกายเหมือนคนตกน้ำ จึงได้ช่วยเหลือเบื้องต้น และแจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัย อบต.กมลา นำส่ง รพ.ป่าตอง ต่อมา นางจาง เสียชีวิต เมื่อวันที่ 30 ต.ค. ทางโรงแรมจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กมลา ตรวจพิสูจน์ศพ จนกระทั่งพบร่องรอยเขียวซ้ำตามร่างกายหลายแห่ง โดยเฉพาะบริเวณลำคอ จึงไปตรวจสอบที่สระว่ายน้ำ พบระดับน้ำในสระไม่น่าจะทำให้สาวจีนจมน้ำตายเองได้ จึงสงสัยอาจถูกฆาตกรรม จึงสอบสวนขยายผลและแจ้งพ่อแม่ผู้เสียชีวิตทราบ พร้อมกับร่วมกันวางแผนให้นายจางเดินทางมารับศพด้วย เนื่องจากหลังเกิดเหตุ นายจาง ได้แจ้งให้โรงแรมจองตั๋วเดินทางกลับประเทศจีนให้ โดยอ้างว่าจะไปส่งลูกสาว จากนั้นได้ควบคุมตัวนายจางไปสอบสวนปากคำเพิ่มเติม พร้อมกับดำเนินคดีทันที
ล่าสุด เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. นายจาง เริน เจีย บิดา และนางทัง ยู่เอ๋อ มารดาของนางจาง เจีย พร้อม นายศิริชัย ปิยะพิเชษฐกุล ทนายความ นำเอกสารต่างๆ พร้อมกรมธรรม์ประกันชีวิตที่ นายจาง ลูกเขย ปลอมลายเซ็นลูกสาวแล้วแอบไปทำประกันไว้เมื่อเดือน ก.ย.61 ก่อนลวงมาฆ่าเพียง 1 เดือนมามอบให้ พ.ต.อ.สมคิด บุญรัตน์ ผกก.สภ.กมลาและพนักงานสอบสวนเพื่อเป็นหลักฐานเพิ่มเติม ซึ่ง นางทัง มารดานั้นยังคงอยู่ในอาการเสียใจ ร้องไห้ตลอดเวลา
...
นางทัง กล่าวว่า ตนเองและสามีมั่นใจว่าคดีนี้ นายจางลูกเขยวางแผนลวงลูกสาวมาฆ่าเพื่อเอาประกันอย่างชัดเจน เนื่องจากพบกรมธรรม์ประกันชีวิตชื่อของลูกสาว มี นายจาง ยี่ฟาน ลูกเขย และลูกสาววัยขวบเศษ เป็นผู้รับผลประโยชน์ที่เพิ่งทำขึ้นใหม่ล่าสุดเมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมาอีก 1 ฉบับ ก่อนที่ลวงลูกสาวตนเองเดินทางมาฆ่าที่ จ.ภูเก็ต หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้พบอยู่ใต้ที่นอน 3 ฉบับ รวมเป็น 4 ฉบับ โดยนำมามอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กมลา โดยมูลค่ารวมของกรมธรรม์ราว 20 กว่าล้านหยวน หรือราว 100 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน ได้ขอให้เจ้าหน้าที่ทางการจีน รวบรวมกรมธรรม์ประกันชีวิตชื่อของลูกสาว ที่ นายจาง สามีได้ปลอมแปลงเอกสาร และลายมือชื่อของลูกสาวไปทำไว้ เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ทางการจีนแจ้งมาว่ามีประมาณ 10 กว่าบริษัท ฉะนั้นจากมูลเหตุนี้เอง ครอบครัวมั่นใจว่านายจางวางแผนฆ่าหวังเงินประกัน และยืนยันจะดำเนินคดีจนถึงที่สุด เพราะถือว่าอุกอาจและเลือดเย็น มีการเตรียมการไว้ก่อน พร้อมทั้งของให้ พ.ต.อ.สมคิด บุญรัตน์ ผกก.สภ.กมลา ดำเนินการแจ้งข้อหาเจตนาฆ่าคนตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตามประมวกฎหมาย มาตรา 289 ซึ่งมีโทษประหารชีวิตสถานเดียวเพิ่มเติม
ด้าน นายจาง บิดาของสาวจีน กล่าวว่า ตนเองสงสัยถึงสาเหตุการเสียชีวิตของลูกสาว เนื่องจากลูกสาวเคยเป็นนักว่ายน้ำที่เก่งมาก จึงไม่เชื่อว่าจะจมน้ำเสียชีวิต อีกทั้ง นายจาง หลังเกิดเหตุได้เดินทางออกจาก จ.ภูเก็ต กลับบ้านที่นครเทียนจินทันที โดยไม่รอรับศพภรรยาไปด้วย หรือรอญาติมารับศพและกลับไปพร้อมกัน ซึ่งได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่กงสุลจีนว่า ทางตำรวจไทยสงสัยการตายของลูกสาว และเมื่อเห็นศพของลูกสาวที่มีรอยฟกช้ำตามร่างกาย ยิ่งมั่นใจว่านายจางฆ่าลูกสาวตนเพื่อเอาประกันแน่นอน จึงแจ้งความกับตำรวจ สภ.กมลา ควบคุมตัวทันที
บิดาของสาวจีน กล่าวต่อว่า หลังสอบสวนนายจางให้การรับสารภาพว่า จับหัวภรรยากดลงน้ำจนจมน้ำเสียชีวิตจริง ซึ่งก่อนการเดินทางมาท่องเที่ยวใน จ.ภูเก็ต นายจาง ซื้อกรมธรรม์ประกันชีวิตในชื่อของลูกสาวหลายสิบฉบับ ซึ่งคุ้มครองเป็นเงินมูลค่ารวมกว่า 30-50 ล้านหยวน หรือ 100 กว่าล้านบาท โดยที่ นายจาง เป็นผู้รับประโยชน์จากกรมธรรม์ประกันชีวิต กรณีที่ภรรยาเสียชีวิตเองหมด ฉะนั้นท้ายสุดนี้ถือว่านายจางนั้นโหดร้ายอำมหิตมาก วางแผนฆ่าลูกสาวตนที่เป็นภรรยา ทั้งที่ลูกยังเล็กอยู่อย่างโหดเหี้ยมทารุณ จึงขอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีตามกฎหมายในขั้นสูงสุด คือ โทษประหารชีวิตนายจางให้ตายตกตามลูกสาวตนไป
...
ขณะที่ นายศิริชัย ปิยะพิเชษฐกุล ทนายความของพ่อแม่ผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า วันนี้ญาติตรวจค้นเจอกรมธรรม์ประกันชีวิต เป็นหลักฐานที่นำมาแสดงต่อพนักงานสอบสวนในวันนี้มีทั้งสิ้น 4 ฉบับ คิดเป็นยอดเงินรวมทั้งสิ้น 20,490,000 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทย 102,450,000 บาท ในเอกสารขอทำประกันชีวิต พบว่ามีการปลอมแปลงลายมือชื่อของนางจาง ผู้ตายอย่างชัดเจน เป็นการทำประกันชีวิตโดยผู้ตายมิได้ทราบ หรือรู้เห็นหรือยินยอมแต่อย่างใดทั้งสิ้น แต่ผู้ที่รับผลประโยชน์ในกรมธรรม์ทุกฉบับคือ นายจาง ยีฟาน ซึ่งเป็นฆาตกรสังหารภรรยา ซึ่งเป็นผู้ตายในคดีนี้ ในขณะนี้ญาติผู้เสียชีวิตที่เมืองเทียนจิน ประเทศจีน ยังได้แจ้งมาว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจีนยังค้นพบกรมธรรม์ประกันชีวิตในชื่อผู้ตายอีกนับ 10 ฉบับ ซึ่งในขณะนี้ ทางตำรวจจีนกำลังรวบรวมเอกสาร เพื่อส่งมาให้ตำรวจไทยภายในวันที่ 15 ม.ค.62 เพื่อประกอบสำนวนคดีให้แก่ตำรวจไทย ทางตำรวจจีนกำลังสาวคดีออกไปว่ามีบุคคลที่ 3 บินมาจากประเทศจีน เพื่อมาร่วมกระทำผิดในครั้งนี้ด้วยหรือไม่ เพราะดูเรื่องราวแล้วเหมือนเจตนาวางแผนไว้ เพื่อลวงมาสังหารในประเทศไทย และคดีนี้ญาติผู้เสียชีวิตจะดำเนินคดีจนถึงที่สุด ถือว่าอุกอาจและเลือดเย็น เตรียมการไว้ก่อน ขอให้ทางศาลไทยลงโทษขั้นสูงสุดคือ ประหารชีวิต
...
ส่วน พ.ต.อ.สมคิด บุญรัตน์ ผกก.สภ.กมลา กล่าวว่า คดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานไว้รัดกุมมากในทุกด้าน และยิ่งได้พยานหลักฐานเพิ่มเติมจากญาติ ยิ่งทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมั่นใจ โดยเตรียมส่งสำนวนคดีได้ในอาทิตย์หน้า และแจ้งข้อหาผู้ต้องหาเพิ่มที่เรือนจำในข้อหาเจตนาฆ่าคนตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตามประมวกฎหมาย มาตรา 289 มีโทษหนักถึงกับโทษประหารชีวิตสถานเดียว เพราะจากพยานหลักฐานค่อนข้างที่จะชัดเจนว่า มีการไตร่ตรองและวางแผนไว้ก่อน ไม่ใช่เกิดเพราะบันดาลโทสะ ตามที่ผู้ต้องหากล่าวอ้าง.