หนุ่มใหญ่พ่อลูกอ่อน เสาหลักของครอบครัว จบชีวิตลงถูกยิงดับ เพราะฝีมือวัยรุ่นข้างบ้าน หลังออกมาเตือนซิ่งจักรยานยนต์ส่งเสียงดังรบกวนลูกน้อย และสร้างความรำคาญให้กับชาวบ้านเป็นประจำ...
เมื่อคืนวันที่ 21 ธ.ค. ร.ต.อ.กฤษณพล วัจณะพันธ์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.บางโทรัด รับแจ้งเหตุยิงกัน บริเวณซอยข้างบ้านเลขที่ 18/3 หมู่ที่ 3 ตำบลชัยมงคล อ.เมือง จ.สมุทรสาคร จึงไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ. ปัญจพล ชำนาญหมอ ผกก.สภ.บางโทรัด ซึ่งผู้บาดเจ็บ นายถาวร ปรีงาม อายุ 48 ปี เสียชีวิตขณะส่งโรงพยาบาลบ้านแพ้ว ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่กกหูขวา 1 นัด ไหปลาร้าขวา 1 นัด และชายโครงซ้ายอีก 1 นัด
ด้านน.ส.กิ่งกาญจน์ หาญจำปี อายุ 35 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต เล่าว่า มือปืนรายนี้ชื่อนายเต้ย ซึ่งไม่ทราบนามสกุล อายุประมาณ 30 ปี อาศัยบ้านพักอยู่ใกล้กัน โดยเมื่อช่วงเวลาประมาณ 18.30 น. ตนเองและสามีอยู่ในบ้าน ได้ยินเสียงรถจักรยานยนต์ขับโดยนายเต้ย ส่งเสียงดัง ทางสามีจึงออกมาเรียกนายเต้ย เพื่อขอให้ขับรถจักรยานยนต์เข้าออกเบาๆ เพราะส่งเสียงดังรบกวนลูกชายวัยแค่ 5 เดือนเศษ กระทั่งทั้งคู่มีปากเสียงกัน และนายเต้ยได้ชักปืนกระหน่ำยิงเข้าสามี ก่อนขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไป
ขณะที่ นางเข็มทอง ปรีงาม อายุ 77 ปี มารดาผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ในคืนวันเกิดเหตุตนเองพักอยู่ในบ้าน ห่างจากบ้านลูกชายไม่ไกลนัก เมื่อได้ยินเสียงปืน จึงวิ่งออกมาดูเห็นร่างลูกชายกองฟุบลงอยู่กับพื้นจึงได้เข้าไปโอบกอดลูกชาย และพยายามเขย่าร่างเรียกไม่ให้จากแม่ไปไหน แต่ลูกชายซึ่งเป็นเสาหลักของครอบครัวต้องเสียชีวิต เพราะฝีมือวัยรุ่นในพื้นที่ ซึ่งก่อนหน้านี้ลูกชายกับมือยิงเคยมีปากเสียงกันมาแล้วเรื่องขับรถจักรยานยนต์แต่งซิ่งส่งเสียงดัง จนสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่ชาวบ้าน และทำให้หลานชายของตนที่อายุเพียง 5 เดือน ตกใจสะดุ้งตื่นอยู่เป็นประจำ
...
ด้านชาวบ้านในพื้นที่ บอกว่า นายถาวร เป็นคนดีของหมู่บ้าน เวลาที่ใครเดือดร้อน จะหยิบยื่นให้ความช่วยเหลือตลอดทั้งเงิน ผัก ผลไม้ที่มีอยู่ในสวน จะเก็บมาแบ่งปันให้กับชาวบ้านอยู่เป็นประจำ
อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ. ปัญจพล ได้สั่งการเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ได้เร่งติดตามตัวนายเต้ย ภายหลังขออนุมัติหมายศาลจังหวัดสมุทรสาคร เลขที่ 435/2561 เพื่อจับกุมนายสุกฤษดิ์ หรือเต้ย สีดำ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6/1 ม.3 ต.ชัยมงคล อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ในข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และมีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.