ภรรยาหมอดูไพ่ยิปซีดังเมืองคอนที่ถูกตำรวจวิสามัญฯ ร้อง ผบ.ตร.รอบที่สอง หลังพบพิรุธหลายอย่างที่มีเงื่อนงำ ยันเป็นแค่เรื่องผัวเมียทะเลาะกัน ผู้ตายไม่เคยยุ่งเกี่ยวยาเสพติด แถมไม่ได้ยิงใส่ จนท.
เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.61 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นางสาวฐานิศ หริกจันทร์ หรือ ครูแตง นำเอกสารเข้าร้องเรียนครั้งที่ 2 ต่อ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผ่าน พ.ต.อ.สุรชัย เจ็ดพี่น้องร่วมใจ รองผู้บังคับการยุทธศาสตร์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และนายตำรวจเวรชั้นผู้ใหญ่ หลังเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมในคดีที่สามี ซึ่งประกอบอาชีพหมอดูไพ่ยิปซีชื่อดังในจังหวัดนครศรีธรรมราช ถูกตำรวจวิสามัญเสียชีวิต เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา อ่าน

นางสาวฐานิศ ไม่เชื่อว่าระหว่างตำรวจไล่จับกุม สามีจะใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้เนื่องจากไม่พบร่องรอยกระสุนจากปืนของสามียิงออกจากในรถ และจากการตรวจพิสูจน์หลักฐาน พบว่าปืนของสามีอยู่ที่บริเวณช่องเก็บของข้างประตู และมือทั้งสองข้างก็วางอยู่บนตักด้วย รวมถึงมีพยานบอกว่าระหว่างเกิดเหตุ สามีลงจากรถพร้อมยกมือไหว้ ก่อนที่จะขึ้นไปบนรถปิดล็อกประตูด้วยความกลัว จากนั้นตำรวจกระหน่ำยิงเข้าไปในรถกว่า 10 นัด จนสามีเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
...
นอกจากนี้ พบว่าระหว่างที่เจ้าหน้าที่เข้าไปชันสูตรศพ และตรวจพยานหลักฐานนั้น ได้กันห้ามบุคคลภายนอก รวมทั้งตนเองและครอบครัวเข้าในพื้นที่ ต่อมาตำรวจแจ้งว่าตรวจพบยาบ้า จำนวน 107 เม็ด บรรจุอยู่ในถุงสีฟ้า ตกอยู่ในรถของสามี ส่วนตัวไม่เชื่อว่าสามีจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาบ้าแน่นอน นอกจากนี้จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุ ตำรวจแจ้งว่าไม่พบกล้องติดหน้ารถของสามี จนกระทั่งล่าสุดแจ้งว่าขณะนี้พบกล้องติดหน้ารถแล้ว แต่ไม่มีการบันทึกภาพแต่อย่างใด และอ้างว่าสามีเป็นคนเอาออกก่อนเสียชีวิต
ทั้งนี้ ในกรณีการหลบหนีการไล่ล่าของสามี มองว่าไม่ใช่เหตุอุกฉกรรจ์หรือร้ายแรงถึงขั้นต้องวิสามัญ เนื่องจากเหตุที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพียงการเข้าใจผิดเรื่องระหว่างสามีภรรยาเท่านั้น เพราะก่อนหน้านี้ ตนเองกับสามีมีปัญหากัน และสามีได้เข้ามาเอาของในบ้าน แต่ตนเองไม่รู้ จึงเข้าใจว่ามีคนร้ายเข้ามาขโมยทรัพย์สิน และได้ไปแจ้งความไว้ ต่อมาทราบว่าเป็นสามี จนกระทั่งวันเกิดเหตุในช่วงเช้า สามีกำลังนำทรัพย์สินมาคืนที่บ้าน จนเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น
ด้าน พ.ต.อ.สุรชัย กล่าวว่า หลังจากนี้จะนำเรื่องเสนอไปยังผู้บังคับบัญชา ยืนยันจะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเฉพาะส่วนกลาง จะพิจารณาเหตุการณ์ทั้งหมดและภาพลักษณ์การทำงานของตำรวจว่าปฏิบัติตามขั้นตอนหรือไม่ ในส่วนของท้องที่จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ ข้อเท็จจริงทั้งหมด.