ผบก.ป.สั่งชุดสืบสวนลุยจับสถานบันเทิงผิดกฎหมายทั่วประเทศ เน้น “เด็ก-ยา-อิทธิพล” เชื่อเป็นต้นเหตุของอาชญากรรมรุนแรง ขู่มีรายชื่อร้านเข้าข่ายทำผิดและลักลอบจำหน่ายยาเสพติดให้นักเที่ยวอยู่ในมือแล้ว เล็งไปที่เมืองท่องเที่ยวและจังหวัดใหญ่ก่อน รวมทั้งจังหวัดในภาคใต้ที่มีกลุ่มมือปืนซุกอยู่กับบรรดาผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น ส่วนภาคเหนือและอีสานจะกวาดล้างการลักลอบค้าบริการทางเพศในสถานบริการเพิ่มเติมเข้าไปด้วย หากตำรวจท้องที่ไม่จับพร้อมจัดการขั้นเด็ดขาด
กองปราบฯ จ่อทลายสถานบันเทิงผิดกฎหมายทั่วประเทศ เปิดเผยขึ้นที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. มีรายงานว่า พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. สั่งการให้ชุดสืบสวน นำโดย พ.ต.อ.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบก.ป. ประสาน ผกก.1-6 บก.ป. และ ผกก.สนับสนุน บก.ป. จัดชุด สืบสวนลงพื้นที่ทั่วประเทศเพื่อหาข่าวเกี่ยวกับสถานบันเทิงผิดกฎหมาย เนื่องจากพบว่าเป็นต้นเหตุหนึ่งของการเกิดอาชญากรรมรุนแรงและอาชญากรรมทางเพศ ทั้งนี้เมื่อวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา ชุดสืบสวนกองปราบปราม นำโดย พ.ต.อ.จรูญเกียรติ และ พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. นำกำลังบุกจับกุมสถานบันเทิง นาซ่าผับ ถนนประเสริฐมนูกิจ เขตลาดพร้าว กทม. หลังสืบทราบว่าเปิดเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด และมียา เสพติดจำนวนมาก จากการตรวจปัสสาวะพบว่ามีนักเที่ยวชายหญิงมีฉี่สีม่วงมากถึง 247 คน ส่วน พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผกก.2 บก.ป. นำกำลังจับกุมสถานบันเทิง นาวาบาร์ ในพื้นที่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี พบนักเที่ยวราตรีชายหญิงร้อยกว่าคนมีปัสสาวะสีม่วงจำนวนมากเช่นกัน รวมทั้งอาวุธปืน 2 กระบอก ก่อนจะดำเนินคดีกับผู้จัดการสถานบันเทิงทั้งสองแห่งไปแล้ว
เกี่ยวกับกรณีนี้ พ.ต.อ.จรูญเกียรติเผยว่า พล.ต.ต.จิรภพเน้นย้ำให้ตำรวจกองปราบปรามป้องกันเหตุอาชญากรรมรุนแรงโดยเฉพาะช่วงกลางคืนจากนี้ไปจนถึงหลังปีใหม่ นอกเหนือจากการตรวจสอบและจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับคดีค้างเก่าที่จับกุมมาอย่างต่อเนื่อง ชุดสืบสวนกองปราบฯพิจารณาแล้วพบว่า สถานบันเทิงที่ผิดกฎหมายเปิดกันอยู่ทั่วประเทศโดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยวและเมืองขนาดใหญ่เป็น ต้นเหตุของการก่ออาชญากรรมและยาเสพติด และบางครั้งตำรวจท้องที่ไม่สามารถจัดการปัญหาเองได้ ทำให้หลายต่อหลายครั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองต้องเข้าไปจับกุมสถานบริการหรือสถานบันเทิงเหล่านี้ เมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่ากองปราบฯเป็นหนึ่งใน หน่วยงานสนับสนุน หลังจากนี้จะเข้าไปสอดส่องปัญหาที่เกี่ยวกับสถานบันเทิงหรือสถานบริการที่เปิดเกินเวลาด้วย
...
“ขณะนี้มีรายชื่อสถานบันเทิงที่เข้าข่าย กระทำผิด กฎหมายและมีการลักลอบใช้หรือจำหน่ายยาเสพติดหลายแห่งแล้ว เบื้องต้นประสานตำรวจท้องที่เพื่อแจ้งเตือนให้ทราบให้เข้าไปจับกุมดำเนินคดีตามความผิดที่เกิดขึ้น แต่หากยังปล่อยไว้เป็นปัญหาเรื้อรังกองปราบฯจะเข้าไปจับกุมเองและจะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด ทั้งนี้สถานบันเทิงที่เข้าข่ายที่กองปราบฯจะเข้าไปจับกุมนั้นมีหลักสำคัญ 3 ประการ คือ 1.ปล่อยให้มีเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าไปใช้บริการ 2.มีการลักลอบใช้หรือจำหน่ายยาเสพติดในสถานบริการ และ 3.มีการพกพาอาวุธหรืออาวุธปืนเข้าไปในสถานบริการ รวมทั้งสถานบริการที่มีเหตุทะเลาะวิวาทและทำร้ายร่างกายกันจนได้รับบาดเจ็บ หากมีสถานบริการที่เข้าข่ายดังกล่าวกองปราบฯจะไม่นิ่งเฉยอย่างแน่นอน การดำเนินการจะเน้นไปที่จังหวัดใหญ่ๆทั่วประเทศที่มีสถานบริการลักษณะดังกล่าว รวมทั้งจังหวัดที่มีสถิติอาชญากรรมสูงโดยเฉพาะในภาคใต้ ที่มีกลุ่มมือปืนซุกอยู่กับบรรดาผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น ส่วนในภาคเหนือและภาคอีสานจะเน้นการกวาดล้างการลักลอบค้าบริการทางเพศในสถานบริการเพิ่มเติมเข้าไปด้วย” พ.ต.อ.จรูญเกียรติกล่าว
พ.ต.อ.จรูญเกียรติเผยอีกว่า เชื่อว่าหากควบคุมวงจรเหล่านี้ได้จะทำให้ป้องกันปัญหาอาชญากรรมได้ส่วนหนึ่ง เพราะการจับกุมสถานบันเทิงนาซ่าผับและนาวาบาร์ที่ผ่านมาทำให้เห็นว่า แม้แต่ในสังคมเมืองหลวงยังมีการลักลอบใช้ยาเสพติดในสถานบันเทิงกันเป็นจำนวนมาก ปัญหาลักษณะนี้จะทำให้เกิดปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์และชีวิตร่างกายเกิดขึ้นตามมา นอกจากนี้ กองปราบฯจะเน้นการจับกุมและปราบปรามอาชญากรรมอย่างต่อเนื่องในช่วงก่อนเทศกาลปีใหม่ เน้นไปที่กลุ่มอาชญากรรมที่เกี่ยวพันกับผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น และทุกคดีที่ตำรวจท้องที่ไม่สามารถคลี่คลายได้ รวมทั้งหมายจับคดีค้างเก่า โดยเมื่อเดือนตุลาคมตำรวจกองปราบฯสามารถจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ ได้ถึง 488 ราย ส่วนเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา รวบผู้ต้องหาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทั้งหมด 433 คน เท่ากับภายใน 1 วัน ตำรวจกองปราบฯจับกุมผู้ต้องหาได้ถึงวันละ 14 คน และจะดำเนินการจับกุมอย่างต่อเนื่องต่อไป